นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า พรรคก้าวไกล ได้นัดทีมเจรจาทั้งสองพรรคหารือกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นทางการในช่วงเช้าวันที่ 2 ก.ค.66 หลังจากนั้นจะมีการประชุม 8 หัวหน้าพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทยจะได้นำข้อเสนอจากการหารือพูดคุยภายในพรรคไปพูดคุยกับทีมเจรจา ซึ่งมั่นใจว่าเราจะคุยกันและสรุปจบได้ด้วยดี
ในการเจรจาต้องเข้าใจว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคอันดับสอง ซึ่งเราให้ความเคารพพรรคอันดับหนึ่งตลอดเวลา เรายื่นข้อเสนอ 14+1 ไปให้พรรคก้าวไกลพิจารณา ไม่ใช่การยื้อแย่ง ไม่ใช่การบีบบังคับ ไม่ได้เป็นการหักหลังประชาชน หากก้าวไกลยังคงยืนยันที่จะไม่ให้ตำแหน่งประธานสภาฯ เพื่อไทยก็ต้องกลับมาพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร และขอยืนยันเจตจำนงค์ในการจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย
"เราเข้าใจดีว่าพรรคอันดับหนึ่งก็ควรได้สิทธิเป็นประธาน เราจึงขอมาเป็นของอันดับสองได้หรือไม่ ในฐานะที่ทำงานร่วมกัน เพื่อดุลยภาพในการทำงาน ท่านเป็นประมุขฝ่ายบริหารแล้ว เราขอเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ" นพ.ชลน่าน กล่าว
ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลจะเสนอชื่อใครมาเป็นประธานสภาฯ นั้นถือเป็นสิทธิโดยชอบ ซึ่งเพื่อไทยก็ให้การสนับสนุน เราค่อนข้างระมัดระวังที่จะเสนออะไรออกไป หากเพื่อไทยเสนอชื่อใครก็จะถูกประณามมากกว่านี้ จะถูกมองว่าเป็นการแข่งทันที
"การโหวตต้องเหลือชื่อเดียว เมื่อมีมติออกมาอย่างไรต้องไปทางนั้น จะแหวกมติไม่ได้ ป้องกันเกิดฟรีโหวตจึงต้องชัดเจน วันที่ 2 ก.ค.ต้องได้ข้อยุติ ไม่มีถ้า ต้องจบ" นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราถูกมัดด้วยอาณัติจากประชาชน แม้เราอยากออกไปก็ออกไปไม่ได้ ซึ่งเรามีสิทธิออกไปแต่ไม่ชอบธรรม เราถูกประชาชน 25 ล้านเสียงมัดเรากับก้าวไกลให้ติดกัน เหมือนถูกจับคลุมถุงชน ไม่มีสิทธิที่จะปฏิเสธ ในการเจรจาจึงต้องคำนึงถึงเจตจำนงค์ของประชาชนเป็นสำคัญ
ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ปฏิเสธไม่มีการเสนอปรับเปลี่ยนสูตรต่อรองเก้าอี้เป็น 15+1 หรือ 13+1 พท.ยังยืนยันจุดเริ่มต้นเดิมที่ได้เสนอพรรคก้าวไกลไปคือ 14+1 และยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน โดยข้อเสนอดังกล่าวมาจากพื้นฐานที่ทั้งสองพรรคได้รับเลือกตั้งในจำนวนที่ใกล้เคียงกันจึงอยากจะรักษาอารมณ์และความรู้สึกของประชาชนทั้งสองฝ่าย เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้
ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลเปิดตัวแคนดิเดทประธานสภาฯ ก็เป็นสิทธิ แต่เพื่อไทยยังเคารพการเจรจา หากยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก็ไม่ควรมีการเสนอชื่อใคร เพราะจะทำให้เกิดปัญหาความไม่พอใจจากผู้สนับสนุน แต่ พท.มีบุคลากรที่มีความพร้อมอยู่หลายคน แม้ก่อนหน้านี้จะมีการเสนอชื่อนพ.ชลน่าน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับหัวหน้าพรรคทั้งสองพรรค แต่ยังไม่ใช่ข้อสรุป ขึ้นอยู่กับการเจรจาและมติพรรค