นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง ประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ด่านที่ 1 ของการแก้ 112 แบบก้าวไกลว่า พรรคก้าวไกลหาเสียงว่าจะเสนอร่างพระราชบัญญัติ 45 ฉบับ โดยมีร่างฯ แก้ไขมาตรา 112 ภายใน 100 วันแรก จึงต้องการตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อผลักดันกฎหมาย
โดยเมื่อปี 2564 พรรคก้าวไกลเคยเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้รับการบรรจุวาระจนครบวาระ เพราะมีความเห็นของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 6
ตามขั้นตอนการเสนอร่างกฎหมายของ ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 139 (2) ต้องผ่านการตรวจสอบและวินิจฉัยจากประธานสภาฯ ก่อนให้บรรจุวาระ โดยการบริหารจัดการประธานสภาฯ อาจมอบหมายให้รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่แทน ซึ่งรอบนั้นนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ เป็นผู้พิจารณา โดยให้ข้าราชการสภาฯ ฝ่ายกฎหมายเป็นผู้พิจารณา และมีความเห็นว่า ร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีบทยกเว้นความผิดกับบทยกเว้นโทษ กรณีถ้าเป็นการติชม แสดงความเห็น หรือแสดงข้อความใดโดยสุจริต เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อธำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ถ้าผู้ถูกกล่าวหาพิสูจน์ได้ว่าเรื่องนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ห้ามมิให้พิสูจน์ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ส่วนพระองค์ และการพิสูจน์ไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ดังนั้น บทบัญญัติยกเว้นความรับผิดกับการยกเว้นโทษดังกล่าวนี้ เห็นว่าน่าจะขัดกับมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ได้เห็นด้วยและไม่บรรจุวาระ
"ผมเชื่อในความเป็นมืออาชีพและความเป็นกลางทางการเมืองของเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทุกคนทุกสำนัก ถ้าร่างพระราชบัญญัติที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรพรรคก้าวไกลจะเสนอเข้ามามีหลักการตามร่างฯ เดิมที่เคยเสนอเมื่อปี 2564 ไม่มีเหตุผลที่ความเห็นทางกฎหมายของเจ้าหน้าที่จะแตกต่างไปจากเดิม แต่เมื่อความเห็นของเจ้าหน้าที่ส่งขึ้นไปแล้ว อยู่ที่ประธานสภาฯ คนใหม่จะวินิจฉัย อย่างไรก็ดีตัวตน รวมทั้งพรรคต้นสังกัดของประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่จะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญยิ่งต่อคำตอบ" นายคำนูณ ระบุ