นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีหากเกิดอุบัติเหตุการเมือง หลังมีรายงานข่าวว่าพรรคเพื่อไทย ยอมถอยตำแหน่งประธานสภาฯ ให้พรรคก้าวไกล เพื่อเตรียมพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีแทนหัวหน้าพรรคก้าวไกล หาก "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว. มองว่าข่าวดังกล่าวเป็นเพียงกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ส่วนตัวไม่อยู่ในกระบวนการการเจรจา ขอให้รอฟังข้อเท็จจริงจากหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย รวมถึงฝ่ายเจรจาก่อน
พร้อมเห็นว่า ไม่อยากให้มองไปไกล เพราะต้องผ่านขั้นตอนการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรก่อน ขอให้อดใจรอ ซึ่งพรรคเพื่อไทยยึดมั่นหลักการฝ่ายประชาธิปไตยต้องจับมือทำงานร่วมกัน เชื่อว่าตำแหน่งประธานสภาฯ จะจบลงด้วยดี
เมื่อถามถึงความพร้อมของพรรคเพื่อไทยที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี หากนายพิธา พลาดตำแหน่งนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น ตอนนี้ต้องพยายามให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีได้ก่อน และพรรคเพื่อไทยย้ำมาตลอดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องผลักดัน ซึ่งพรรคเพื่อไทย อยากให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 หวังว่าจะไม่มีอุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น
นายเศรษฐา กล่าวถึงการลงพื้นที่ในวันนี้ (30 มิ.ย.) ว่า ได้มาศึกษาการบริหารจัดการธนาคารน้ำใต้ดิน นอกเขตชลประทาน ซึ่งจ.นครพนม ถือเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการน้ำได้ และต้องเร่งดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะสถานการณ์น้ำในปีนี้ อาจจะได้รับผลกระทบในหลายพื้นที่จากเอลนีโญ โดยธนาคารน้ำใต้ดิน จะช่วยให้แต่ละพื้นที่กักเก็บน้ำได้ แต่ถ้าจะนำโมเดลนี้ไปปรับใช้ในพื้นที่อื่นๆ ก็จะต้องศึกษาวิเคราะห์เป็นรายพื้นที่ และควรทำอย่างรวดเร็ว ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมในเรื่องนี้
นายเศรษฐา ยอมรับว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถือเป็นกระทรวงหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยเคยพูดว่าจะเข้ามารับผิดชอบ เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนจะมีการแบ่งจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ และรัฐมนตรีช่วยอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับผู้ที่เกี่ยวข้องจะหารือกัน