นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ระบุกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย ยอมถอยกรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อแลกกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากก้าวไกลไม่สามารถรวบรวมเสียง ส.ว.ได้นั้นว่า ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ตนไม่ทราบว่าข่าวเมื่อคืนมีที่มาจากไหน แต่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคงไม่พูดอะไรแบบนั้น
สำหรับตำแหน่งประธานสภาฯ ไม่ใช่เรื่องความต้องการส่วนตัวของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นหลักการที่เป็นปกติในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาอยู่แล้ว แต่ต้องรอความชัดเจน ขอให้รอการพูดคุยจากทีมเจรจาทั้ง 2 พรรค ซึ่งตนเชื่อว่าจะจบด้วยดี ทั้งสองพรรคต่างวางอยู่บนผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน เราต้องการเวลาในการพูดคุยกันเพื่อตกผลึกให้เรื่องจบเร็วที่สุด
"เรื่องนี้ไม่ต้องสอนหนังสือสังฆราชกัน เพราะประชาชนส่วนใหญ่ที่เลือกพรรคเพื่อไทย-ก้าวไกลมีความต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ฟื้นฟูประชาธิปไตยและแก้ปัญหาประชาชน เราต้องช่วยกัน ไม่ทำให้เรื่องไม่ปกติในรัฐธรรมนูญฉบับนี้กลายเป็นเรื่องปกติ ผมยังเชื่อมั่นว่าทั้ง ส.ส.และ ส.ว.จะช่วยกันคืนความปกติให้กับระบบรัฐสภาในระบบประชาธิปไตยด้วยการยอมรับผลการเลือกตั้งให้พรรคที่ได้รับเลือกตั้งอันดับ 1 เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ถ้า 8 พรรคการเมืองผนึกกันแน่นก็จะไม่มีปัญหาอะไร" นายชัยธวัช กล่าว
เมื่อผ่านการเลือกประธานสภาฯ ไปแล้วทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น ตนยังเชื่อมั่นและขอให้ ส.ส.-ส.ว.เชื่อในหลักการพื้นฐานของระบบประชาธิปไตย ให้พรรคที่ชนะเลือกตั้งและสามารถรวบรวมเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตามเหตุผลที่ ส.ว.ให้ไว้ในการโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2562 อย่างเป็นเอกภาพ
ส่วนข้อกังวลเรื่องการเสนอแก้มาตรา 112 จะเป็นเงื่อนไขในการเลือกนายกฯ หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเลือกนายกฯ ไม่ว่าจะแก้กฎหมายฉบับใดล้วนแต่มีกระบวนการนิติบัญญัติอยู่แล้วในการตรวจสอบถ่วงดุล และมีกระบวนการทางกฎหมายตรวจสอบว่ากฎหมายนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ขออย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไขในการเลือกนายกรัฐมนตรี ขอให้ยึดหลักการเดียวในการเลือกนายกฯ คือผลการเลือกตั้งของประชาชน
"ตอนนี้จำนวนเสียงระหว่างขั้วเสียงข้างมากและเสียงข้างน้อยมีความห่างกันเยอะมาก ถ้า 8 พรรคร่วมรัฐบาลผนึกกำลังกันแน่นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพลิกขั้ว ผมเชื่อมั่นว่าเราทำงานด้วยกันด้วยความจริงใจและเอาผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง สำหรับพรรคเพื่อไทยเอง สิ่งที่สัมผัสได้อย่างจริงใจคือมีความเชื่อมั่นว่าการจัดตั้งรัฐบาลกันระหว่าง 8 พรรค เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ เท่าที่ทำงานร่วมกันกับหมอชลน่าน เราเห็นความจริงใจว่าสมการการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันดีที่สุด" นายชัยธวัช กล่าว
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว เพราะตนไม่รู้ที่มาของข่าวดังกล่าวแลย และยังแปลกใจกับข่าวที่ออกมา น่าจะเป็นการปล่อยข่าวมากกว่า ทั้งที่ตนพูดมาตลอดว่า เพื่อไทยไม่มีแผน 2 แผน 3 เพราะเราเคารพพรรคแกนนำ เรามีแผนเดียวคือสนับสนุนพรรคแกนนำและสนับสนุนให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น หากเราไปพูดถึงแผน 2 แผน 3 มันก็คือการสมมติ ฉะนั้นการที่จะมาบอกว่าเราขอเป็นแกนนำอะไรต่างๆ ยืนยันว่าไม่มี
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า กระแสข่าวที่ว่า พรรคเพื่อไทยได้ตำแหน่งรองประธานสภาฯ ทั้ง 2 คนนั้น ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาลแทนหากก้าวไกลทำไม่สำเร็จนั้นเป็นการปล่อยข่าว ระดับแกนนำเองก็ยังงงว่ามาอย่างไร เพราะไม่ใช่ผลดีกับพรรคแน่นอน และคนที่ปล่อยข่าวมาอ้างตัวว่าเป็นแหล่งข่าวจาก เพื่อไทยเช่นนี้ยิ่งส่งผลไม่ดี ยิ่งทำให้เราตกเป็นจำเลยเข้าไปอีก ดังนั้นขอย้ำอีกครั้งว่า เพื่อไทยยึดมั่นในฉันทามติของประชาชน และเราจะไม่เป็นเงื่อนไขไปทำให้การจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ จุดมุ่งหมายเดียวคือการทำให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี และให้ก้าวไกลเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ นี่คือสูตรเดียวของเพื่อไทยไม่มีการคิดอย่างอื่น
"ย้ำว่าผมคำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก บางคนไปตีความสิ่งที่ผมสื่อสารออกไปผิด ที่ผมให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้โดยเปรียบว่าประชาชนเป็นพ่อแม่ เมื่อพ่อแม่ให้เราทำอย่างไรเราก็ต้องทำ แม้เราไม่เห็นด้วยในเรื่องนั้นก็ตาม ผมแค่เปรียบเทียบให้ฟังแต่กลับไปตีความผมผิด กลายเป็นว่าไม่รักกัน ซึ่งไม่ใช่ไม่รักกัน ทั้งนี้ การคลุมถุงชนนั้นไม่ใช่ว่ารักหรือไม่รัก จริงอยู่ส่วนหนึ่งที่อาจไม่รักแต่ถูกจับมาแต่ง หรือบางครอบครัวเขาไม่เคยเจอกันเลย แต่เมื่อถูกจับมาแต่งเขาก็รักกัน เป็นคู่ชีวิตที่ยั่งยืนได้ ความหมายของผมเพียงแค่จะต้องการให้เห็นความสำคัญของประชาชนว่าเขามอบอำนาจมาให้เราเหมือนพ่อแม่ ดังนั้นเราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปคิดอย่างอื่นเลย ผมต้องการจะเปรียบเทียบเท่านี้ แต่อาจจะสื่อสารไขว้เขว ก็ต้องขออภัยด้วย" นพ.ชลน่าน กล่าว