นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี กล่าวอย่างอารมณ์ดีภายหลังเข้าร่วมประชุมกรรมการบริหารพรรคเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาถึงเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า สถานการณ์อยู่ในขั้น A+ พร้อมยกนิ้วโป้ง สื่อสัญลักษณ์ ยอดเยี่ยม พร้อมยิ้มกว้าง ก่อนเดินทางขึ้นรถส่วนตัวกลับออกจากพรรค
ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา กล่าวก่อนประชุมว่า ทราบว่าพรรคเพื่อไทย จะผลักดันนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) ชิงตำแหน่งประธานสภาฯ เพื่อลดความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ซึ่งตำแหน่งประธานสภาฯ เป็นการตกลงกันระหว่างพรรคร่วมทั้ง 8 พรรค
ส่วนนายวันมูหะมัดนอร์ มีความเหมาะสมหรือไม่นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นคำถามที่ลำบากหากจะให้ตอบ เชื่อว่า มีการเสนอขึ้นมาหลายชื่อ และทุกชื่อที่มีการเสนอมามีความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นนายวันมูหะมัดนอร์ หรือชื่อที่พรรคก้าวไกลเสนอมา หรือจะเป็นคนจากพรรคเพื่อไทย โดยเชื่อว่า ทุกคนมีประสบการณ์ และคงไม่เป็นธรรม หากจะให้ตอบว่าใครมีความเหมาะสมหรือไม่ แต่เข้าใจว่าได้พยายามกันทุกฝ่าย ที่จะได้รัฐบาลจากฝ่ายประชาธิปไตย และต้องทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนทุกคน
"ตำแหน่งมีได้แค่คนเดียว และเข้าใจว่าหลายท่านก็อยู่ในสถานภาพที่ค่อนข้างจะลำบาก ถ้าเกิดมาจากพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย หรือจากคนกลาง มีทั้งคนได้ และคนเสียทั้งนั้น ผมอยากวิงวอนแบบนี้ว่า เราอยู่ด้วยกัน เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นี่คือ การเริ่มต้นเดินทางครั้งสำคัญที่สุดของประเทศไทย ก็อยากวิงวอนว่า แม้ผลจะออกมาอย่างไร ก็อยากให้ทุกฝ่ายยอมกันบ้าง เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติ" นายเศรษฐา กล่าว
ทั้งนี้ หากทั้ง 2 พรรคตกลงกันไม่ได้ ทำให้ประธานสภาฯ ต้องเป็นคนนอก การทำงานของทั้ง 2 พรรคจะราบรื่นหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า คงเป็นเรื่องของคะแนนที่มีความใกล้เคียงกัน ซึ่งอาจจะเป็นประเด็นหนึ่งที่ ส.ส.ของพรรคหลายคนยกขึ้นมา เป็นเรื่องที่น่าคิดเช่นกัน แต่เราต้องยึดจุดมุ่งหมายเดียวกันและทำงานร่วมกัน คือ เรามาทำงานเพื่อประชาชนซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด จากที่ได้สัมผัสมากับคณะทำงานของพรรคก้าวไกล ทุกคนที่เข้าประชุมด้วยกัน แม้บางคนจะอาวุโสน้อยกว่า แต่ก็ให้เกียรติคนที่ทำงานด้วยกันอย่างมาก ซึ่งก็ชื่นชมวิธีการทำงานของพรรคก้าวไกล พยายามมองบวก ก็ยังมีความหวังว่าทั้ง 2 ฝ่าย จะคุยกันแล้วจะได้ผลเป็นที่ทุกฝ่ายพอใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพรรคมีมติออกมาอย่างไร ในฐานะพรรคการเมืองประชาธิปไตยก็จะต้องน้อมรับ ซึ่งลูกพรรคก็ต้องทำตามมติพรรค แต่จะเอามติของพรรคเราไปก้าวล่วงพรรคอื่นไม่ได้ ซึ่งตามแนวทางที่ได้พูดคุยกัน ตนเชื่อว่า ทุกคนอยากให้ฝ่ายประชาธิปไตยจับมือด้วยกัน และเดินทางด้วยกัน