นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวถึงการถูกเสนอชื่อให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร จากตัวแทน 8 พรรคร่วมรัฐบาลว่า ได้รับการประสานจากพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 3 ก.ค. เวลา 14.00 น. เพื่อให้ตนรับตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้หากในที่ประชุมสภาฯ เลือกให้ตนเป็นประธานสภาฯ ก็จะทำงานให้ดีที่สุดเพื่อบ้านเมืองและประชาธิปไตยตามที่ประชาชนคาดหวัง
"เมื่อได้รับการติดต่อมา ผมไม่ได้คิดนาน ใจจริงแล้วอยากให้พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทยตกลงกัน เพื่อให้การทำงานราบรื่นดีกว่าพรรคเล็ก ทั้งนี้ เมื่อ 2 ฝ่ายตกลงให้ผมทำงานเพื่อบ้านเมือง อยากให้ทำหน้าที่นี้ ก็ต้องทำหน้าที่ เพราะเป็นภาระของพวกเราทุกคน" นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
เมื่อถามว่าการตอบรับตำแหน่งประธานสภาฯ จะทำให้พรรคประชาชาติ ต้องเสียโควตารัฐมนตรีไปหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ไม่ได้พูดถึงตำแหน่งบริหาร หรือตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะไม่ถึงเวลา หากโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งประธานสภาฯ ลงมาแล้ว คณะทำงานในการจัดตั้งรัฐบาลคงได้หารือในเรื่องของสัดส่วนของฝ่ายต่างๆ
ส่วนหากได้รับเลือกเป็นประธานสภาฯ ต้องลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคตามรัฐธรรมนูญนั้น หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ประธานสภาฯ ต้องวางตนเป็นกลาง แต่ขอศึกษาดูก่อนว่าต้องลาออกเมื่อไร เบื้องต้นคาดว่าจะภายหลังจากมีการโปรดเกล้าฯ แล้ว
"ในพรรคต้องมีคนทำงาน ผมคิดว่า ไม่ใช่ผมจะเป็นหัวหน้าพรรคตลอดไป หากผมได้เป็น (ประธานสภาฯ) ก็ดี เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่เป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป ได้ทำงานต่อ" หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าว
ส่วนที่มีการจับตาในประเด็นการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้น นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ประเด็นแก้ไขมาตรา 112 ไม่อยู่ในข้อตกลงของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะสนับสนุน แต่พรรคก้าวไกล ในฐานะพรรคการเมืองในสภาฯ อยากเสนอเข้ามาต้องเป็นไปตามขั้นตอน ต้องว่าไปตามกฎหมาย และบทบาท
"กฎหมายต่างๆ นั้น ทุกพรรคมีสิทธิเสนอ รวมถึงประชาชนด้วย เพราะสภาฯ ยุคนี้ต้องโป่รงใส เพื่อประชาชน และส่วนตัวยินดีให้ทุกฝ่าย รวมถึงสื่อมวลชน ตรวจสอบการทำงานของสภาฯ ได้" นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว