นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (11 ก.ค.) 8 พรรคร่วม ได้นัดหารือกันเพื่อเตรียมความพร้อมในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และอาจมีประเด็นที่เกี่ยวเนื่องของคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านบ้าง จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ได้นัดหมายประชุมวิป 3 ฝ่าย ในเวลา 11.00 น. เพื่อกำหนดแนวทางในการประชุมสภาฯ วันที่ 13 ก.ค.ว่าการโหวตเลือกนายกฯ จะต้องอาศัยข้อบังคับใดบ้าง และก่อนโหวต ควรเปิดให้แสดงวิสัยทัศน์ก่อนหรือไม่ ซึ่งแนวทางการโหวตของ 8 พรรคร่วมฯ มีความชัดเจน เป็นเอกภาพ และเป็นไปตาม MOU ที่จะสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนความคืบหน้าของจำนวนเสียง ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นายประเสริฐ กล่าวว่า เท่าที่สอบถามจากพรรคก้าวไกล ก็ยืนยันว่าสามารถหาเสียง ส.ว.ได้เพียงพอ และเข้าใจดีว่าคงไม่เปิดเผยรายละเอียด เนื่องจากการโหวตครั้งนี้มีความสำคัญ แต่ก็ได้รับการยืนยันจากแกนนำพรรคก้าวไกลเสมอว่าได้รับเสียงที่เพียงพอ
"พรรคก้าวไกล คงยังไม่อยากเปิดเผยอะไรมากนัก เพราะอาจส่งผลกระทบต่อคะแนนโหวต เราเข้าใจดีว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงถามเท่าที่ทำได้" นายประเสริฐ กล่าว
พร้อมย้ำว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้เตรียมแผนสำรอง หากครั้งแรกนายพิธา จากพรรคก้าวไกลโหวตไม่ผ่านรอบแรก โดยต้องให้เกียรติพรรคก้าวไกล และให้ไปดูวันที่ 13 ก.ค.ก่อน ถึงค่อยมาพูดคุยกันอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ไม่กังวลว่าจะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นหากจะมีมวลชนมาให้กำลังใจนายพิธา เพราะเชื่อว่าถ้าทุกอย่างเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย สามารถชี้แจงที่มาที่ไปกับทุกฝ่ายได้
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทย ย้ำจุดยืนในเรื่องการแก้ไข มาตรา 112 ซึ่งจากที่แถลงข่าวในวันที่ 2 ก.ค. ได้พูดคุยกันเรื่องข้อตกลงใน MOU แล้วว่าพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 และขอสงวนความเห็น หากจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณา
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นัดประชุมเพื่อพิจารณาส่งเรื่องการถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพความเป็น ส.ส.นั้น นายประเสริฐ เชื่อว่า กกต.จะให้ความเป็นธรรมกับนายพิธา และเชื่อว่าหากมีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมานายพิธา และพรรคก้าวไกลจะสามารถตอบคำถามและชี้แจงเรื่องนี้ในที่ประชุม 8 พรรคร่วมวันพรุ่งนี้ได้ ตนจึงมั่นใจว่าจะไม่กระทบกับวันโหวตเลือกนายกฯ ในวันที่ 13 ก.ค. ที่ยังคงดำเนินต่อไปไม่มีการเปลี่ยนแปลง