นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (12 ก.ค.) เวลา 15.00 น. จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อกำหนดวันที่จะเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ รวมถึงพิจารณาขอยกเว้นข้อบังคับของพรรค ในการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้ภายหลัง 60 วัน
ส่วนแนวโน้มจะได้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เมื่อไรนั้น ยังไม่สามารถตอบได้ กรณีที่เกิดการแข่งขันภายในพรรคอาจสร้างความแตกแยกนั้น ก็เป็นไปได้ทั้งหมด ทุกอย่างจะยุติในที่ประชุมพรรคเมื่อถึงเวลา
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การแข่งขันดังกล่าว เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตยในพรรค เพราะเมื่อมีผู้สมัครมากกว่า 1 คน ก็ต้องมีการแข่งขันกัน ซึ่งเป็นมาหลายยุคหลายสมัย เพราะ ปชป.ไม่มีคนใดคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของที่จะไปชี้ได้ว่าจะให้ใครมีตำแหน่งอะไร โดยทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับมติพรรค
ส่วนทิศทางในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า จะมีการพูดคุยหารือกันในที่ประชุม ส.ส.พรรคว่าจะมีความเห็นอย่างไร แต่ทั้งหมดก็จะต้องเป็นเอกสิทธิ์ของผู้ลงคะแนน ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องผ่านมติกรรมการบริหารพรรค เพราะเป็นเรื่องของที่ประชุม ส.ส. แต่เชื่อว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่ได้มีการหารือกัน และยังไม่ได้เป็นที่ยุติว่าจะมีใครเสนอชื่อเพื่อแข่งขันหรือไม่
นายจุรินทร์ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่าควรโหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กี่รอบ แต่มองว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งเห็นว่าพรรคก้าวไกลมีความมั่นใจว่าโหวตรอบเดียวก็จะผ่าน ส่วนกรณีข้อบังคับการประชุมรัฐสภาระบุว่าหากโหวตไม่ได้ จะต้องจบไปนั้น ตนไม่สามารถตอบได้ ขอให้เป็นหน้าที่ของประธานสภาฯ เป็นผู้วินิจฉัยว่าจะให้เป็นอย่างไร
ส่วนท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ไม่ได้มีการพูดคุยกัน และจะมีการเสนอชื่อชิงนายกฯ แข่งหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่ ปชป.ไม่ได้คุยกัน ในขั้นนี้มีพรรคการเมือง 8 พรรครวมเสียงได้ 300 กว่าเสียง ก็ให้ 8 พรรคดำเนินการตั้งรัฐบาลไป
กรณีที่จะมีผู้มาชุมนุมจำนวนมากบริเวณรอบรัฐสภานั้น ตนอยากให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย การแสดงความเห็นทางการเมืองสามารถทำได้ แต่ไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้ดำเนินการอย่างไร เป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาในการลงมติ และฝ่ายรักษาความปลอดภัยก็มีการดูแลอยู่แล้ว
ด้านนายนริศ ขำนุรักษ์ รมช.มหาดไทย ในฐานะอดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีที่การประชุมใหญ่วิสามัญเกิดปัญหาองค์ประชุมไม่ครบนั้น ไม่มีเรื่องการเมืองภายในเข้ามา เพราะในพรรคประชาธิปัตย์มีการแข่งขันกันอยู่แล้ว และน้อยครั้งที่จะไม่สามารถตกลงกันได้จนทำให้ต้องเลื่อนการประชุม ส่วนใหญ่สามารถเลือกตั้งกันไปได้ หลังเลือกตั้งเสร็จแล้วทั้งฝ่ายที่ได้รับเลือกตั้งและไม่ได้รับเลือกตั้งก็จะมาร่วมกันทำงาน ขณะเดียวกันมีบางครั้งที่มีคนบางส่วนแยกตัวออกไป
ส่วนเรื่องข้อบังคับพรรค ก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติต่อไป ซึ่งในวันที่ 12 ก.ค.จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการ เพื่อกำหนดว่าจะเลือกหัวหน้าพรรคในวันใด
นายนริศ ปฏิเสธข่าวที่ว่า ปชป.รอให้มีการโหวตนายกรัฐมนตรีเสร็จก่อน จึงค่อยเลือกหัวหน้าพรรคว่า ไม่มีเรื่องนั้นเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล ก็ต้องเลือกหัวหน้าพรรค ส่วนจะเป็นฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล ก็อยู่ที่คณะกรรมการบริหารพรรค
ทั้งนี้ ยังยืนยันใช้สัดส่วนน้ำหนักเสียงขององค์ประชุม 70:30 เพราะไม่สามารถเปลี่ยนกติกาที่หน้าห้องประชุมได้ ซึ่งไม่ถูกต้อง กติกาต้องวางไว้ก่อน จึงมีการลงมติว่าไม่ควรมีการเปลี่ยนกติกา ข้อบังคับจะเปลี่ยนได้ก็ต่อเมื่อคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ประชุมเสร็จ ซึ่งตนเห็นด้วยว่าหลายข้อ โดยเฉพาะข้อที่ถูกยกเว้นบ่อยๆ ต้องได้รับการแก้ไข ดังนั้นเมื่อมีคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ก็ควรยกเลิก
ส่วนกรณัที่มีข้อเสนอให้ฝั่งหนึ่งเป็นหัวหน้าพรรค แล้วฝั่งหนึ่งเป็นเลขาธิการพรรคนั้น ตนไม่แน่ใจ แต่เชื่อว่าคงมีการพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา ส่วนจะตกลงกันได้หรือไม่นั้นตนไม่แน่ใจเช่นกัน คิดว่าทั้งพรรคต้องมาประชุมร่วมกัน