นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการที่ ส.ว.เตรียมใช้ข้ออ้างในการเลื่อนโหวตนายกรัฐมนตรี หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นสมาชิกภาพ ส.ส.ของตนในคดีหุ้นสื่อว่า การที่จะเลื่อนโหวตเลือกผู้นำของประเทศในช่วงสภาวะวิกฤตแบบนี้ จะทำให้ประชาชนเสียผลประโยชน์ ซึ่งเป็นการตัดสินใจของประธานรัฐสภา และสมาชิกรัฐสภาร่วมกัน โดยตนขอวิงวอนว่า การให้เลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีออกไป จะทำให้ประเทศชาติเสียประโยชน์ ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับตนแต่อย่างใด
นายพิธา กล่าวแสดงความมั่นใจว่า จะได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว. เพียงพอต่อการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนจำนวนที่ชัดเจนจะต้องรอดู เพราะถ้าพูดออกไปตอนนี้ อาจจะเกิดแรงกระทบต่อการตัดสินใจในอีก 2 วันนี้
"เราคงไม่ได้ดูว่าเป็นส.ว.มาจากสายไหน แต่เป็นเรื่องของหลักการที่ ส.ว.ยังหนักแน่นในการที่บอกว่า ถ้ารัฐบาลได้เสียงข้างมากเหมือนกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดว่าคงจะต้องโหวตตามหลักการนี้ และไม่โหวตสวนมติของประชาชน เราได้มีการหารือกับส.ว. เพื่อทลายกำแพงซึ่งกันและกัน" นายพิธา กล่าว
ส่วนในวันที่ 13 ก.ค. จะมีมวลชนหลายกลุ่มเตรียมรอติดตามการโหวตนายกรัฐมนตรีนอกสภา จะทำให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่นั้น นายพิธา กล่าวว่า เป็นที่น่าเสียดายที่ประชาชนซึ่งเลือกตนมาแล้ว ก็ไม่ควรต้องมาลุ้นอีก ซึ่งขณะนี้ควรจะประชุมเพื่อผลักดันกฎหมายได้แล้ว โดยเชื่อว่านายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา จะบริหารจัดการสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งการที่ประชาชนรวมตัวกันอย่างสันติ เป็นเรื่องของประชาธิปไตยอยู่แล้ว
ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า มีกระแสกดดันไปยัง ส.ว.ค่อนข้างมาก ทำให้ส.ว.ส่วนใหญ่มีท่าทีที่ไม่แสดงออกชัดเจน แต่คงรอความชัดเจนในวันที่ 13 ก.ค.นี้ ส่วนส.ว.ที่พรรคก้าวไกลได้มีการพูดคุย ก็ยังมีสัญญาณบวก
"ในหลายวันนี้ ต้องยอมรับว่ามีกระแสข่าวมีการกดดัน ส.ว.แต่ละราย ที่ถูกคาดหมายว่าจะโหวตให้คุณพิธาอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ ส่งคนไปพูดคุยกดดัน และบางกระแสข่าวมีถึงแบล็คเมล์ด้วยซ้ำ หรือเสนอผลประโยชน์ให้ ซึ่งก็หวังว่าจะไม่เกิดแบบนั้นจริงๆ" นายชัยธวัช กล่าว
ส่วนที่มี ส.ว.ออกมาเตือนว่า หากพรรคการเมืองใดโหวตให้นายพิธา อาจถูกยุบพรรคได้นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกัน เพราะข้อกล่าวหาต่างๆ ของนายพิธา เมื่อเข้าสู่กระบวนศาลหรือองค์กรอิสระ แต่ยังไม่มีข้อยุติเป็นที่สุดนั้น หลักทั่วไปก็ยังถือว่า นายพิธายังไม่ผิด และไม่กังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการโหวตเลือกนายพิธา เพราะเชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาแยกแยะได้
นายชัยธวัช ยืนยันว่า ทั้ง 8 พรรคการเมืองยังไม่ได้มีการหารือว่า หากการโหวตรอบแรกไม่ผ่านจะดำเนินการอย่างไรต่อ ซึ่งยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดคุยกันเรื่องนี้ และไม่ได้มีพูดคุยว่าจะต้องโหวตกี่ครั้ง แต่ยังยืนยันว่าทั้ง 8 พรรคยังเสนอชื่อนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี
"เรายังโฟกัสทำให้วันที่ 13 ก.ค.ดีที่สุดก่อน...เอาเป็นว่า ยังมีโอกาส ทำงานเต็มที่" นายชัยธวัช กล่าว
ส่วนกรณี กกต.มีการพิจารณาส่งเรื่องการถือครองหุ้นไอทีวีของนายพิธา ให้ศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายชัยธวัช ตั้งข้อสังเกตว่า ทางกกต. ตั้งธงรีบส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ของนายพิธาให้ได้ก่อนโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่ง กกต.ควรมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวน ไต่ส่วน และวินิจฉัยดำเนินการก่อน และขณะนี้ กกต.ยังไม่ได้ทำหนังสือให้นายพิธา ไปชี้แจงแต่อย่างใด