นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงด่วนภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อ บมจ.ไอทีวี จำนวน 42,000 หุ้นว่า เป็นการเลือกปฎิบัติและไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น อาจเข้าข่ายละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157
สำหรับคดี ITV ไม่อาจนำกรณีตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีเงินกู้ยุบพรรคอนาคตใหม่มาเทียบเคียงกับข้อเท็จจริงคดีหุ้นไอทีวีได้ เนื่องจากในคดีเงินกู้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เป็นกรณีที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต. มีมติว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูล แล้วนำเสนอต่อ กกต. แต่ปรากฏว่า กกต. ไม่เห็นพ้องด้วย กรณีจึงไม่มีหน้าที่ต้องแจ้งข้อกล่าวหาต่อพรรคอนาคตใหม่แต่อย่างใด
แต่ข้อเท็จจริงในคดีหุ้น ITV นั้น ถ้าคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต. มีความเห็นว่าข้อเท็จจริงมีมูลตามคำร้อง ย่อมมีหน้าที่ต้องแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายพิธาให้ครบถ้วนเสียก่อนที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนจะทำรายงานการสืบสวนเสนอต่อเลขาธิการ กกต. และ กกต. และเปิดโอกาสให้นายพิธา ชี้แจงข้อกล่าวหา
ดังนั้น การที่ กกต. เสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญอย่างรีบเร่ง ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาและไม่เปิดโอกาสให้มีการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าเป็นเพียงการตรวจสอบข้อเท็จจริงเท่านั้น จึงไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดไว้
"การที่ กกต.มีเจตนาจะส่งศาลรัฐธรรมนูญบ่ายนี้เพื่อให้นายพิธา หยุดปฎิบัติหน้าที่ก่อนโหวตนายกฯ พรุ่งนี้ เป็นนิติสงคราม และเป็นเครื่องมือของกลุ่มการเมืองใดหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้ จะเป็นข้อพิสูจน์ว่า ข้อกล่าวหานี้เป็นจริงหรือไม่...ฝากไปถึง กกต. และองค์อิสระว่าอย่าลุแก่อำนาจเกินขอบเขต เมื่อใดที่การเมืองกลับมาเป็นปกติ ประชาชนจะลงโทษท่าน" นายชัยธวัช กล่าว
นอกจากนี้ มีข้อสังเกตว่า ทำไม กกต. ถึงรีบเร่งดำเนินการในคดีหุ้นไอทีวีอย่างผิดปกติ ทั้งๆ ที่เรื่อง ITV ก่อนหน้านี้มีข้อพิรุธและข้อถกเถียงอย่างกว้างขวางว่า ตกลง ITV ยังดำเนินธุรกิจสื่ออยู่หรือไม่ มีขบวนการจงใจจัดทำรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นและเอกสารงบการเงินให้ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเพื่อหวังผลทางการเมืองหรือไม่ แต่กกต. กลับรีบประชุม 3 วันติดต่อกัน เพื่อเร่งสรุปให้ได้ว่ามีข้อมูลพยานหลักฐานเพียงพอให้เชื่อว่านายพิธามีความผิดตามที่มีการยื่นคำร้องจริง
นายชัยธวัช กล่าวว่า ทราบมาว่า ทาง กกต. ได้เชิญให้ผู้บริหารไอทีวีมาชี้แจงต่อ กกต. แล้ว และผู้บริหาร ITV ก็ได้ให้ข้อมูลว่า ITV ไม่ได้ดำเนินธุรกิจสื่อ ดังนั้น แม้ กกต. จะพยายามอ้างเหตุผลมากมายว่าไม่จำเป็นต้องแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายพิธา เพื่อให้นายพิธามาชี้แจงก่อน แต่คำถามคือ ในขณะนี้ กกต. ยังมีเวลาเชิญ ITV ไปชี้แจง แล้ว กกต. มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ยอมเสียเวลาให้นายพิธาไปชี้แจงบ้าง เพื่อให้มีการพิจารณาอย่างรอบด้านเป็นธรรม นอกจากนี้ หากผู้บริหาร ITV ได้แจ้งต่อ กกต. ว่าบริษัทไม่ได้ดำเนินธุรกิจสื่อจริง กกต .ใช้ข้อมูลหลักฐานอะไรที่นำไปสรุปว่าเชื่อได้ว่านายพิธามีความผิดตามที่มีการยื่นคำร้องจริง
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างไร 8 พรรคร่วมรัฐบาล ยังยืนยันว่าจะไม่กระทบการเสนอชื่อนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) และเชื่อว่า เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวและไม่เป็นเหตุให้เกิดการเลื่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ และเชื่อมั่นในประธานรัฐสภาที่จะมีหลักที่ชัดเจน โดยนายพิธา ยังมีสิทธิ์ 100% ในฐานะแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี และผู้ที่ได้รับคะแนนเสียงมาเป็นอันดับ 1 จากการเลือกตั้งของประชาชน
ส่วนกรณีดังกล่าวจะมีผลต่อการตัดสินใจของ ส.ว. หรือไม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นขบวนการที่หวังผลทางการเมืองจริงๆ มีการบิดเบือนเจตนารมณ์ในการบังคับใช้กฎหมาย บิดเบือนระเบียบข้อบังคับต่างๆ ย่อมต้องหวังผลทางการเมือง แต่ก็เชื่อว่าจะมีส.ว.ที่มากเพียงพอ ที่มีสติ มีความเป็นธรรม มีวิจารณญาณเห็นว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้ ยังไม่สามารถเป็นบทสรุปได้ว่านายพิธามีความผิด กระบวนการยังไม่สิ้นสุดและไม่ใช่หน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาที่จะวินิจฉัยเรื่องนี้ ถือเป็นคนละส่วนกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ยังเชื่อมั่นว่ายังมีส.ว.ที่อยู่ข้างความถูกต้องและยืนยันที่จะใช้เอกสิทธิ์ของตนเองเป็นไปตามเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ที่ได้แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง
"พรุ่งนี้ อาจจะเป็นโอกาส หรือทางแยกของสังคมไทย ว่าสถานการณ์จะกลับไปเป็นการกลับไปไม่เห็นหัวประชาชน หรือจะเป็นการคืนความปกติให้สังคมไทย และพาประเทศก้าวไปข้างหน้า ผู้มีอำนาจจะต้องเลือก และเชื่อว่าครั้งนี้ประชาชนคงจะไม่ยอม" เลขาธิการพรรคก้าวไกล ระบุ