นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส. ของตน จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อ ITV 42,000 หุ้นว่า กำลังใจยังดีอยู่ ไม่มีอะไรน่ากังวล ไม่ได้เกินความคาดหมายแต่อย่างใดและยังบริหารจัดการได้ โดยขณะนี้ต้องรอกระบวนการศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ได้เชิญไปชี้แจงข้อกล่าวหา นายพิธา ยอมรับว่า ไม่เป็นธรรม และเห็นว่าคดีนี้ไม่สามารถนำเทียบเคียงกับคดีเงินกู้ของพรรคอนาคตใหม่ได้ ซึ่งระเบียบ กกต.ควรเปิดโอกาสให้ไปชี้แจง และระยะเวลาการพิจารณาคดีก็ใช้เวลาสั้นเพียง 32 วัน ครึ่งหนึ่งของคดีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และใช้เวลาหนึ่งในสิบของรัฐมนตรีในยุค คสช. 4 คน ถือว่าเป็นบรรทัดฐานที่ต่างกัน
"ดูเป็นสิ่งที่มีการเร่งรัดการพิจารณาเพียงหนึ่งวันก่อนที่จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรี ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น"นายพิธา กล่าว
สำหรับในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) คิดว่ากระบวนการการโหวตนายกรัฐมนตรียังเป็นไปตามปกติ โดยจะเข้าสภาฯ และพร้อมตอบทุกข้อสงสัย เตรียมแสดงวิสัยทัศน์ต่อรัฐสภา คาดว่าจะเริ่มโหวตได้ 17.00 น. จากเท่าที่คุยในสภาฯ พรุ่งนี้ก็มีแนวโน้มที่ดี และเมื่อมีแนวโน้มที่ดีจึงมีกระบวนการเคลื่อนไหวล็อบบี้ ส.ว.ไม่ให้โหวต และเริ่มใช้กระบวนการขององค์กรอิสระนอกสภา
ส่วนจะเป็นปัจจัยต่อการโหวตหรือไม่นั้น นายพิธา เชื่อว่าสมาชิกวุฒิสภาจะแยกแยะได้ว่า และเรื่องที่มีการร้องก็เป็นสื่อมวลชนที่ปิดตัวไปนานแล้ว และตนอยู่ในฐานะผู้จัดการมรดกไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร คุณสมบัติแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็ยังมีอยู่
นายพิธา ยังแสดงความขอบคุณทุกกำลังใจที่มีเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หลังจากทราบว่า กกต. มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยคุณสมบัติของตน กรณีการถือครองหุ้น บมจ.ไอทีวี
พร้อมกันนี้ นายพิธา ระบุว่า หากศาลรัฐธรรมนูญเปิดให้ชี้แจง ก็พร้อมทุกกระบวนการ อย่างไรก็ดี หวังว่าจะไม่เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง จนทำให้ไปสู่การชุมนุมในขณะนี้
ส่วนการชุมนุมที่เกิดขึ้น เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา ไม่มีสถานการณ์อะไร และเข้าใจว่าส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย คือการรวมตัวกันอย่างสันติ เพื่อควบคุมวาระทางสังคม
สำหรับความเป็นไปได้ที่สถานการณ์จะวนลูปเดิม หรืออาจจะแย่กว่าเดิม เมื่อสถานการณ์ถึงจุดที่ต้องเลือกตามที่เลขาธิการพรรคก้าวไกลได้บอกไว้นั้น นายพิธา มองว่า มีความเป็นไปได้ เพราะความท้าทายของประเทศไทยตอนนี้หนักกว่าช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่เจอสถานการณ์โควิด-19 และสงครามต่างๆ ถึงต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพและมีความชอบธรรมในการบริหาร สามารถขอความร่วมมือจากประชาชนได้ ซึ่งนั่นหมายถึงต้องมาจากการเลือกตั้ง โดยตอนนี้ยังไม่ได้มีการประเมินสถานการณ์ ส.ว.ว่าจะมีการโหวตให้เท่าใด