นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล ช่วงเย็นวันที่ 17 ก.ค.ว่า ก่อนไปหารือกับ 8 พรรคร่วมนั้น พรรคเพื่อไทยจะมีการหารือกันเป็นการภายในถึงสถานการณ์การเมืองหลายเรื่อง เช่น การแสดงท่าทีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ที่ประกาศเดินหน้าต่อสู้ใน 2 สมรภูมิ ทั้งการจะเสนอชื่อนายพิธา เพื่อโหวตนายกฯ อีกครั้ง และการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272
ซึ่งประเด็นแรก หากฟังการอภิปรายวันที่ 13 ก.ค. จะเห็นชัดว่าส.ว.ไม่ติดขัดในการเลือกนายพิธา แต่กังวลเรื่องท่าทีพรรคก้าวไกล เกี่ยวกับประเด็น มาตรา 112 ซึ่งมองว่าก่อนการหารือกับพรรคร่วม 8 พรรคในเย็นวันที่ 17 ก.ค. พรรคก้าวไกล ควรต้องมีความชัดเจนในประเด็นนี้มาบอกพรรคร่วมให้รับทราบด้วย
ส่วนประเด็นการแก้ไขมาตรา 272 นั้น ไม่ได้อยู่ในข้อตกลง MOU และก่อนเสนอประเด็นนี้ พรรคก้าวไกลก็ไม่ได้หารือกับพรรคร่วมทั้ง 8 พรรค อีกทั้งเรื่องนี้ พรรคเพื่อไทยเคยเสนอแก้มาตรา 272 ไปแล้วในรัฐบาลที่ผ่านมา และทำไม่สำเร็จ ดังนั้นในขณะนี้จึงเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาจะพูดถึงเรื่องดังกล่าว
"ประเด็นที่ประชาชนเห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน คือ การจัดตั้งรัฐบาล ก็อยากให้พรรคก้าวไกลโฟกัสตรงนี้ และแนวทางแก้รัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย มุ่งไปที่การแก้ทั้งฉบับโดยการตั้งส.ส.ร. ตามที่เราได้ประกาศเป็นนโยบาย ดังนั้นการประชุมครั้งนี้ (17 ก.ค.) ก็หวังว่าจะได้ความชัดเจนจากพรรคก้าวไกลก่อนโหวตนายกฯ วันที่ 19 ก.ค." นายประเสริฐ กล่าว
ส่วนกรณีการเสนอชื่อนายพิธา ครั้งที่ 2 จะทำได้หรือไม่ เพราะมีหลายฝ่ายออกมาตีความว่าหากเสนออีก จะถือเป็นการเสนอญัตติเดิมที่สภาฯ เคยตีตกไปแล้วในสมัยประชุมเดียวกัน ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่ 41 นั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นข้อกฎหมาย ซึ่งทราบว่านายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้หารือทีมกฎหมายของรัฐสภา เพื่อหาความชัดเจนถึงเรื่องดังกล่าว และวันที่ 18 ก.ค. ช่วงเช้าประธานรัฐสภาได้เรียกประชุมวิป 3 ฝ่าย และจะได้มีความชัดเจนในประเด็นดังกล่าวก่อนการโหวตนายกฯ วันที่ 19 ก.ค. แน่นอน