นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวต่อที่ประชุมวุฒิสภาก่อนเปิดประชุมพิจารณาตามวาระถึงประเด็นที่พรรคก้าวไกลเสนอยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ว่า ตนมองว่า ส.ว.ไม่สมควรแสดงความเห็นโต้ตอบหรือโต้แย้งต่อผู้ที่อยู่ในภาวะไม่พอใจจากเหตุการณ์ทางการเมือง จึงทำให้มีการเสนอแก้ไขกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อเรื่องได้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมรัฐสภา จึงค่อยพิจารณาอย่างผู้ที่ทำหน้าที่ ผู้ที่มีวุฒิภาวะ พิจารณากลั่นกรองกฎหมายอย่างถูกต้องตามหลักการและมีความรอบคอบ
สำหรับกรณี ส.ว.ลาประชุมในวันโหวตนายกรัรฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 ก.ค. แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1. ส.ว.ที่ลาไปราชการต่างประเทศ เป็นการทำหน้าที่ที่ตน ในฐานะประธานรัฐสภาในขณะนั้นได้มอบหมาย ให้ไปประชุมไอป้า ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน จำนวน 2 คน
2. ส.ว.ที่เป็นผู้นำเหล่าทัพ จำนวน 6 คน ติดราชการสำคัญ และการประชุมเห็นชอบนายกฯ มีวาระเดียว และผู้นำเหล่าทัพพิจารณาแล้ว แจ้งตนว่ายังอยู่ในราชการไม่ประสงค์เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว และ มี ส.ว.ลากิจอีก 9 คน เหตุผลคือ ไม่ทราบวันประชุมมาก่อน และอยู่ต่างประเทศ ซึ่งนัดหมายไว้ล่วงหน้า
3. ส.ว. 16 คนลาป่วย
ดังนั้นการลาของ ส.ว.ในวันดังกล่าว มีทั้งสิ้น 33 คน ส่วนกรณีที่พบว่าในการลงมตินั้น มี ส.ว.ไม่ได้ร่วมลงมติ 43 คน แสดงว่ามี 10 คนที่เข้าร่วมประชุม แต่ไม่ได้ลงมติ
นายพรเพชร กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และ ส.ว.ว่า มีบุคคลเข้าไปคุกคามและละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคลในครอบครัว ทั้งเข้าไปตรวจสอบสถานที่อยู่อาศัย ธุรกิจของบุคคล การใช้ถ้อยคำข่มขู่ให้เกิดความกลัว ดังนั้น ตนในฐานะประธาน ส.ว.ซึ่งมีหน้าที่คุ้มครองดูแลสมาชิกให้ได้รับการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของ ส.ว.และครอบครัว จึงได้ขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยเข้าไปดูแลสมาชิก ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดี
"ผมหวังว่า คนที่คุกคาม โจมตี แทรกแซงบุคคลอื่น ไม่ควรทำ และหวังว่าจะไม่มีการกระทำผิดอาญา หรือทะเลาะกัน" นายพรเพชร กล่าว
พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีส.ว.หลายคนถูกคุกคามและมีการร้องขอในเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยนั้น ทางตร.ได้พิจารณาและมีการจัดเจ้าหน้าที่ไปช่วยดูแล ทั้งนี้เพื่อความสงบและเพื่อความปลอดภัย และให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตำรวจเห็นความสงบเรียบร้อยเป็นสิ่งสำคัญ "ช่วงนี้มีข้อมูลข่าวสารในการเผยแพร่ในเรื่องของข้อความก็ดี มีการดำเนินการในเรื่องการแสดงความคิดเห็นก็ดี การแสดงความคิดเห็นนั่นเป็นสิ่งที่กระทำได้ภายใต้กรอบของกฎหมาย จะไม่ไปรบกวนสิทธิหรือข่มขู่ผู้อื่น ขอประชาสัมพันธ์อาจจะมีเรื่องของกฎหมายอาญาในเรื่องของหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือ พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล" โฆษก ตร. กล่าว พล.ต.ท.อาชยน กล่าวอีกว่า ขอประชาสัมพันธ์ไปยังทุกกลุ่มด้วย การดำเนินการแสดงความคิดเห็นด้วยการแสดงออกไม่มีใครว่า แต่อย่าไปกระทบต่อสิทธิ หรือให้ปฎิบัติให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย