นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงทิศทางการโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ว่า เคยยืนยันตั้งแต่ต้นแล้วว่า การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีควรเสนอครั้งเดียว เพราะข้อเท็จจริงทุกพรรคการเมือง รวมถึง ส.ว. ทราบวิสัยทัศน์ของนายพิธาอยู่แล้ว ในเมื่อครั้งแรกไม่ผ่าน และคะแนนยังห่างกันเยอะมาก ดังนั้น ควรเปิดโอกาสให้พรรคที่ได้อันดับ 2 และอันดับ 3 ได้เสนอชื่อชิงนายกรัฐมนตรี เพราะการเสนอชื่อซ้ำเดิมไปเรื่อยๆ จะทำให้เสียเวลาของสภาฯ ส่วนที่ ส.ว.มองว่าโหวตนายพิธา เป็นญัตติซ้ำนั้น เป็นเรื่องที่ต้องไปพิจารณาในข้อกฎหมาย
นายธนกร ยังมองว่า ขณะนี้ไม่ว่าพรรคที่จะจัดตั้งรัฐบาล หรือที่จะเป็นฝ่ายค้าน ต่างรู้ข้อมูลอยู่แล้วว่า หากยังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล ส.ว.จะไม่โหวตให้อยู่แล้ว การจะมาอ้างเรื่อง 14 ล้านเสียง ควรจะเลิกอ้างได้แล้ว และเชื่อว่า ใน 14 ล้านเสียงที่เลือกพรรคก้าวไกล ก็มีเป็นล้านคน ที่ไม่อยากให้แก้มาตรา 112
"พรรคก้าวไกลก็รู้อยู่แล้ว ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้เพราะอะไร แต่ในเมื่อไม่ถอย ฝั่งอื่นก็คงไม่ถอยเช่นกัน" นายธนกร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรครวมไทยสร้างชาติจะร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องพูดคุยกันในพรรค แต่มองว่าวันนี้สถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนเงื่อนไข หลายพรรคพูดจากันได้มากขึ้น ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิม ก็มีการพูดคุยอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะก่อนและหลังประชุม ครม.มีการพูดคุยติดตามข่าวสารบ้านเมืองตลอด
สำหรับช่วงเวลาใดที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิม ควรจะเสนอนายกรัฐมนตรีลงแข่ง นายธนกร มองว่า ถ้าพรรคอันดับ 1 อันดับ 2 ไม่ได้ ต้องเป็นพรรคอันดับ 3 ถือเป็นความชอบธรรมของพรรคภูมิใจไทย โดยส่วนตัวมองว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็เป็นนายกรัฐมนตรีได้
"ไม่ควรใช้เวลานานเกินไป เพราะรู้อยู่แล้ว เราอย่าหลอกตัวเองดีกว่า วันนี้ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าการเมืองจะเดินไปในทิศทางใด การเดินเกมในลัษณะ 2 ขา ฝั่งหนึ่งเป็นเสียงของส.ว. อีกฝั่งหนึ่งมีมวลชนไปบูลลี่ล่าแม่มด หรือปลุกม็อบลงถนนคิดว่าไม่ควร เราน่าจะเข้าใจระบบการเมือง ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็เป็นฝ่ายค้าน ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้านดีในการตรวจสอบรัฐบาล คิดว่าถ้าเป็นฝ่ายค้านรอบหน้า พรรคก้าวไกลอาจจะได้ ส.ส.มากกว่าเดิม
"ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ก็ควรปล่อยให้การเมืองเดินหน้าต่อไป อย่าไปปลุกกระแสมวลชนลงถนน วันนี้ บ้านเมืองมีความสงบ หลายอย่างกำลังดีขึ้น" นายธนกร กล่าว
นายธนกร ยังกล่าวถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า พรรคร่วมรัฐบาลเดิม พยายามแจกกล้วยให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยว่า ไม่มีใครทำแบบนี้แล้ว น่าจะเป็นการดิสเครดิตกันมากกว่า เพราะการจะดึงเสียง 60-70 เสียง ไม่ใช่เรื่องง่าย
ส่วนถ้าหาก 8 พรรคร่วมรัฐบาล จะเปลี่ยนตัวผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ มีจุดยืนอย่างไร นายธนกร กล่าวว่า สามารถเสนอได้ตามกลไกของสภา แต่ถ้ายังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลอยู่ ก็จะเป็นเงื่อนไขพิเศษที่ผ่านได้ยาก ทั้งนี้เห็นด้วยกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่พูดว่านายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ พูดจาดี เพียงแต่ไม่ทราบว่ากลไกของพรรคก้าวไกลถูกปกคลุมด้วยอะไรเท่านั้นเอง
"ไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นจะตาย เป็นฝ่ายค้านก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ผมเองก็พร้อมเป็นฝ่ายค้าน วันนี้เรายังเป็นรัฐบาลรักษาการ แต่พรุ่งนี้ไม่ได้เป็น หรือจะเป็นอะไรก็ตาม ก็ถือเป็นเรื่องปกติ ชีวิตเราสามารถทำอะไรให้กับประชาชนและประเทศมากมาย อย่าไปยึดติดกับมันมาก" นายธนกร กล่าว