นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยระบุว่า จากการหารือเย็นนี้ ที่ประชุม 8 พรรคร่วมฯ มีมติใน 3 เรื่องที่สำคัญ ดังนี้
1. ทั้ง 8 พรรคร่วม มีมติเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในการโหวตนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 อีกครั้งในการประชุมรัฐสภาวันที่ 19 ก.ค.นี้ แต่หากคะแนนไม่เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญพร้อมจะถอยให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลแทน ซึ่งตัวเลขที่เหมาะสม ควรจะอยู่ที่ 324-345 เสียง ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่ได้กั๊กไว้ หรือฝืนสายตาประชาชน พร้อมยืนยันยังสู้อยู่
2. การยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เป็นการเสนอเฉพาะพรรคก้าวไกลเพียงพรรคเดียว ไม่ผูกมัดกับ 7 พรรคร่วมที่เหลือ
3. การเสนอชื่อนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ถือว่าเป็นการเสนอญัตติซ้ำ และไม่เข้ากับข้อบังคับการประชุมที่ 41 โดยทั้ง 8 พรรคมีความเห็นต่างจาก ส.ว. โดยเห็นว่าการเสนอผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ จึงไม่ถือเป็นญัตติซ้ำตามข้อบังคับการประชุมที่ 41 ซึ่งจะนำเรื่องนี้ไปหารือในที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (18 ก.ค.) พร้อมยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการหารือเรื่องชื่อนายกรัฐมนตรีสำรองหากไม่สามารถได้
นายพิธา กล่าวถึง ความสัมพันธ์กับ 8 พรรคร่วมยังเป็นไปได้ด้วยดี ยังมีความพยายามตั้งรัฐบาลให้ได้ และจะใช้เวลาที่เหลืออย่างเต็มที่ ส่วนที่มีข่าวว่า จะดึงพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมด้วยนั้น เรื่องนี้ยังไม่ได้เป็นมติของ 8 พรรคร่วม
ส่วนการเสนอนายกฯ รอบ 2 อาจมีการเสนอชื่อแข่งหรือไม่นั้น นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่ฟังจาก 10 พรรคทุกคนพูดว่า รัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นไปไม่ได้ ส่วนเรื่องงูเห่า นายพิธา กล่าวว่า ทางพรรคก้าวไกลได้ติดตาม และคอยเช็คตลอดและทุกคนได้รับบทเรียนจากการเคยเป็นงูเห่า ซึ่งมั่นใจทั้งก้าวไกลและเพื่อไทยจะไม่มีเรื่องนี้
ส่วนการรวบรวมเสียงส.ว. นายพิธา ยืนยันว่า ยังพยายามพูดคุยอยู่เรื่อยๆ และมีส.ว.ที่ไม่ได้มาร่วมประชุมในวันนั้น แต่มีความเป็นไปได้ที่จะลงคะแนนเสียงให้
ส่วนการต่อสายพูดคุยกับแกนนำกลุ่มรัฐบาลเดิมนั้น นายพิธา กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ที่ตนจะหารือกับส.ส. และส.ว. เวลาอยู่ที่สภา แต่ยืนยันว่า ไม่เคยเชิญเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งได้คุยกับหัวหน้าพรรคทุกพรรคยกเว้นพรรคลุง และไม่ได้โทรไปเพื่อขอเสียงสนับสนุน
ส่วนการถอยประเด็น มาตรา 112 อาจทำให้พรรคอื่นๆมายกมือให้พรรคก้าวไกลนั้น นายพิธา กล่าวว่า มาตรา 112 เป็นข้ออ้างเท่านั้นเพราะแม้เรื่องนี้หายไปก็จะมีเรื่องอื่นๆมาอ้างอีก และที่สำคัญตนต้องการรักษาคำพูดไว้ตามที่ได้หาเสียงไว้
ส่วนประเด็นเรื่องศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาเรื่องสถานะของตนในวันที่ 19 ก.ค.นี้ นายพิธา ยืนยันว่า ไม่กระทบต่อการเป็นแคนดิเดตนายกฯ และไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลใจ