นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวก่อนการประชุมวิป 3 ฝ่าย ซึ่งจะพิจารณาประเด็นการยกข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 กรณีห้ามเสนอญัตติที่ถูกตีตกไปแล้วซ้ำอีกในสมัยประชุมเดียวกันว่า ในการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล เห็นตรงกันว่าไม่ควรตีความว่าญัตติโหวตนายกฯ คือ ญัตติตามข้อบังคับข้อ 41 เพราะการโหวตนายกฯ นั้นมีกระบวนการและหลักการเลือกที่ชัดเจน ซึ่งความเห็นต่างที่เกิดขึ้นในส่วนของสว.นั้น ต้องใช้เหตุผลอธิบายอย่างถึงที่สุด
พร้อมเชื่อว่า จะไม่มีภาพนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดทนายกฯ ต้องเดินออกจากห้องประชุมจากที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องเพื่อวินิจฉัยสถานภาพ สส. เพราะมั่นใจว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกระบวนการโหวตเลือกนายกฯ และได้ยกตัวอย่างกรณีปี 62 มาเทียบเคียง ซึ่งตอนนั้นศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุติการปฎิบัติหน้าที่ชั่วคราวของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แต่ยังสามารถเสนอชื่อได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากที่ประชุมรัฐสภา มีมติไม่ให้เสนอชื่อนายพิธา เป็นครั้งที่ 2 พรรคก้าวไกล จะให้สิทธิพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อเลยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า 8 พรรคร่วมยังไม่ได้คุยกัน ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลมีความมุ่งมั่นที่จะจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จให้ได้ หากมีการโหวตไปแล้ว คะแนนสนับสนุนไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ และหากวาระเพิ่มเติมที่เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ไม่สามารถบรรจุได้ทันก่อนเลือกนายกฯ ครั้งที่ 3 ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น พรรคก้าวไกลคงต้องเปิดโอกาสให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ด้วยการเสนอแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย
"ถ้าไม่มีโอกาสเป็นไปได้จริงๆ ก็คงต้องเปิดโอกาสให้กับประเทศ อย่าให้การเมืองเดินถึงทางตัน แม้ว่าเรามีสิทธิโดยชอบธรรม ในระบบรัฐสภาปกติ แต่เข้าใจดีว่า เราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติเท่าไร คงพยายามอย่างเต็มที่ เป้าหมายสุดท้ายที่ต้องจับไว้ให้มั่น คือการจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคให้ได้ นั่นคือสิ่งที่ประชาชนอยากเห็น" เลขาธิการพรรคก้าวไกล ระบุ
อย่างไรก็ดี ไม่ได้มีการกำหนดลงไปชัดเจนว่าคะแนนเสียงสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจะต้องเป็นจำนวนเท่าไร แต่เป็นนัยสำคัญที่มองเห็นถึงความเป็นไปได้มากขึ้น
"ตัวเลข 344 ที่นายพิธาได้ระบุในการแถลงเมื่อวานนี้ อาจจะเป็นเพราะนายพิธา ยกตัวอย่างเอง แต่ไม่ได้มีสูตรตายตัวอย่างนั้น และหากวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เข้าก่อนการโหวตนายกฯ ครั้งที่ 3 เราก็อาจจะดูตรงนั้นอีกสักเล็กน้อย" นายชัยธวัช กล่าว
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าอาจมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ชิงตำแหน่งนายกฯ พรรคก้าวไกลได้เตรียมวางแผนไว้อย่างไรนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า พรรคไม่มีความกังวล และพยายามเช็คสถานการณ์ ซึ่งคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร ถึงเสนอได้ แต่ไม่เชื่อว่าจะผ่าน
"จากการประเมินอย่างรอบด้าน ส.ว.เองก็ไม่ได้เป็นเอกภาพ ทั้ง 10 พรรค 188 เสียง ก็ไม่น่าจะเป็นเอกภาพในเรื่องนี้ ประเด็นดังกล่าว จึงไม่น่าจะมีความกังวลเท่าไร" นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช ยอมรับว่าได้โทรศัพท์ติดต่อไปหานายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จริง แต่นายเฉลิมชัย ยังไม่ได้รับสาย และอีกเบอร์หนึ่งปิดเครื่อง ตนจึงไม่ได้ติดต่อไปอีก สำหรับเจตนาที่ติดต่อไป คือต้องการจะเช็คท่าทีของพรรคปชป.ว่ามีความคิดเห็นอย่างไร หากมีการเสนอแคนดิเดตนายกฯ จากเสียงข้างน้อย แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการรวมเสียงโหวตนายกฯ เพราะถ้ามีเรื่องนี้ คงต้องเอาเข้าที่ประชุมพรรคก้าวไกล รวมถึงเอาไปหารือในที่ประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลด้วย