นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า กังวลกรณีคณะกรรมการประสานงานของ 3 ฝ่าย (วิป 3 ฝ่าย) ยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะสามารถเสนอชื่อตนในการโหวตนายกรัฐมนตรี รอบที่ 2 ให้ที่ประชุมรัฐสภาลงมติเห็นชอบในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) ได้หรือไม่ เพราะหากจะมีการคว่ำญัตติเพื่อสกัดกั้นตนเพียงคนเดียว จะส่งผลต่อระบบทั้งหมด
ดังนั้น ต้องเห็นความแตกต่างระหว่างการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกับญัตติ ซึ่งในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดว่า หากเสนอญัตติ ต้องเข้าชื่อกัน แต่กรณีนี้ไม่ใช่การยื่นญัตติ จึงคิดว่าหากไปตีความเพื่อสกัดตนแล้วส่งผลกระทบทั้งระบบ ถือเป็นเรื่องที่น่ากลัว และไม่ควรทำ
ส่วนความเป็นไปได้ในการขอเพิ่มเสียงสนับสนุน โดยการดึงพรรคที่ 9 และที่ 10 มาร่วมจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ และขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ส่วนหากมีพรรคไหนพร้อมโหวตให้ จะให้ร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลด้วยหรือไม่นั้น ก็ต้องเป็นเรื่องที่หารือกันอีกครั้ง
ส่วนการปรับแก้ MOU เพื่อเปิดให้พรรคอื่นมาเข้าร่วมนั้น ยังไม่ได้รับการติดต่อจากพรรคไหน แต่ถ้าได้รับการตอบรับก็สามารถปรับยุทธศาสตร์ได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ หากไม่ได้ผลลัพธ์อะไรก็แสดงว่ายุทธศาสตร์ที่ผ่านมา ไม่สามารถต้านแรงสกัดได้ ก็ต้องถอยเพื่อให้บ้านเมืองไปต่อ
ขณะที่กรณีพรรคเพื่อไทย ระบุว่าหากพรรคก้าวไกลจะเปิดทางให้ จะต้องออกแถลงการณ์ในนามพรรคนั้น นายพิธา กล่าวว่า เมื่อถึงเวลาคงเป็นอย่างนั้น ส่วนการเตรียมแผนสำรองในการเสนอชื่อบุคคลอื่นแทนตนนั้น ยังไม่เห็นสถานการณ์นั้น หากพรรคอันดับ 1 ไปต่อไม่ได้ ก็ส่งไม้ให้พรรคอันดับ 2 ก็คิดว่าคงจะอยู่ในเรือลำเดียวกัน ร่วมกันมาและตั้งรัฐบาลแห่งความหวังของประชาชน