ก่อนการประชุมร่วมของรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ ระบุ 4 ประเด็น ฝากถึง สว.ทุกคนในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีวันนี้ ให้ตัดสินใจโดยยึด 2 สิ่ง คือยึดหลักการ และยึดมติประชาชน เพราะไม่ว่าผลลัพธ์วันนี้จะออกมาอย่างไร ชื่อจะได้ถูกจารึกไว้อย่างมีเกียรติ โดยมีเนื้อหาดังนี้
1. ภายในสถานการณ์ปกติ ในรัฐธรรมนูญปกติของนานาอารยประเทศ วันนี้จะไม่เกิดขึ้น เพราะผ่านการเลือกตั้งมาเกิน 2 เดือนแล้ว รัฐบาลร่วมของ 8 พรรค ซึ่งได้ 312 เสียง ถือเป็นเสียงข้างมากในสภา มีตนเป็นนายกรัฐมนตรี คงหน้าดำคร่ำเครียดแก้ปัญหาให้ประชาชนอยู่
"แต่ที่เรายังต้องอยู่กันแบบนี้ ในวันนี้ ก็เพราะภายในรัฐธรรมนูญนี้ เสียงของประชาชนมันไม่เพียงพอ ผมต้องมาขอความเห็นชอบจากท่าน เพื่อจะได้เข้าไปบริหารประเทศตามเจตนารมณ์ของประชาชน"
2. เมื่อปี 2562 สว. จำนวน 249 จาก 250 คน เห็นชอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลว่าไม่ได้โหวตให้กับพล.อ.ประยุทธ์ แต่โหวตให้กับผู้ที่ถือเสียงข้างมากในสภาล่าง
"มาวันนี้ พวกผมถือเสียงข้างมากในสภาล่างแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่ท่านจะต้องลำบากใจในการโหวตให้ผม หากท่านยึดหลักการดังกล่าวจริง"
นอกจากนี้ ในการโหวตเมื่อ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมา สว.หลายท่านเลือกงดออกเสียง หรือขาดประชุมไปเลย โดยให้เหตุผลว่ายึดหลักการว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีไม่ควรเป็นหน้าที่ของ สว. ทั้งที่ท่านทราบดีว่าการกระทำแบบนี้ จะได้ผลตรงข้าม คือเท่ากับเป็นการขัดขวางการโหวตนายกรัฐมนตรีไม่ให้เป็นไปตามเสียงของสภาล่าง
"ในวันนี้ ผมขอวิงวอนว่า หากท่านยึดถือหลักการตามที่ท่านให้เหตุผลตามนี้จริง ไม่ได้กระทำไปด้วยเหตุอื่น โปรดโหวตให้กับนายกรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนของเสียงข้างมากจากประชาชน"
3. ส่วนสว.ที่โหวตไม่เห็นชอบ โดยให้เหตุผลว่าพรรคก้าวไกลไม่จงรักภักดี มุ่งทำลายสถาบัน ขอกล่าวต่อหน้าสภาแห่งนี้ว่ามีร้อยแปดเหตุผลที่ทำให้ไม่อยากให้ก้าวไกลเป็นรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการกระทบผลประโยชน์ กลุ่มทุนที่สนับสนุนอยู่ แต่รู้ดีว่าไม่สามารถอ้างเหตุผลเหล่านี้ได้ จึงเลือกใช้เหตุผลว่าเราไม่จงรักภักดี
"ผมขอถามว่า การกระทำแบบนี้ ส่งผลดีต่อสถาบันหลักของชาติอย่างไร และนี่ไม่ใช่การดึงสถาบันเข้ามาเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองกับประชาชน อย่างนั้นหรือ?"
4. สถานการณ์บ้างเมืองวันนี้ อาจะเรียกว่า "ฝุ่นตลบ-มืดมน-ไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะไปในทิศทางไหน" ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ จะตัดสินใจอย่างไรให้ถูกต้อง และพาชาติพ้นจากวิกฤติ?
"ผมยืนยันว่าในยามที่มืดมน ไม่รู้จะยึดอะไร มี 2 สิ่งที่ยึดไว้แล้วปลอดภัยเสมอ นั่นก็คือ "ยึดหลักการ" และ "ยึดมติประชาชน" ท่านตัดสินใจโหวตตามหลักการและโหวตตามเสียงประชาชน รับใช้ประชาชน ผมรับรองว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ชื่อของท่านจะถูกจารึกไว้บนแผ่นดินนี้อย่างมีเกียรติ เป็นที่ภาคภูมิใจของลูกหลาน"
ผู้สื่อข่าวรายงาน ในช่วงเช้าที่นายพิธา เดินทางมาถึงรัฐสภา เพื่อเข้าร่วมประชุมรัฐสภาในวาระการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายพิธา ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวการประชุมรัฐสภาในวันนี้แต่อย่างใด