นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า หากการโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตจากพรรคก้าวไกล ในรอบ 2 ไม่ผ่าน จะนำไปสู่ข้อตกลงที่ให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน แต่คงยังไม่สามารถเสนอชื่อแดนดิเดตของพรรคเพื่อไทยให้รัฐสภาพิจารณาได้ในทันที เพราะพรรคยังไม่ข้อสรุปว่าจะเลือกเสนอชื่อใคร จากแคนดิเดททั้ง 3 คนของพรรค ดังนั้น แนวโน้มน่าจะมีการประชุมเพื่อโหวตครั้งที่ 3 ในสัปดาห์หน้า
แม้ว่าในทางการจะต้องรอพรรคก้าวไกลประกาศท่าทีที่ชัดเจนหากโหวตไม่ผ่านรอบที่ 2 แต่ในทางปฏิบัติจะมีการดำเนินการอย่างเงียบๆ เพื่อรักษามารยาททางการเมือง ซึ่งในการพูดคุยกันทั้ง 8 พรรคได้ให้โอกาสนายพิธาตามที่เห็นสมควร ถ้าเปลี่ยนเป็นเพื่อไทยก็ต้องมีการวางแผน มีหลายเงื่อนไขว่าจะทำอย่างไรจะได้คะแนน
"เราคิดทั้ง 2 ทาง ด่านแรกวันนี้คือการเสนอโหวตผ่านไม่ผ่าน ซึ่งเห็นว่านายพิธา ควรมีสิทธิได้รับการเสนอต่อ เพราะตีความรัฐธรรมนูญว่าเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ วันนี้ในการเสนอเรื่องนี้ ถ้ามีการโหวต 141 เสียงจะโหวตสนับสนุนก้าวไกล วันนี้จะสำคัญที่สุดว่าหลังจากนี้จะไปในทิศทางไหน ถ้าเป็นเช่นนี้แนวโน้มที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะปิดการประชุม และเปิดให้มีการประชุมในสัปดาห์หน้า" นายภูมิธรรม กล่าว
สำหรับบัญชีแคนดิเดท 3 คนของพรรคเพื่อไทย คือ นายเศรษฐา ทวีสิน, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือนายชัยเกษม นิติสิริ ทุกคนมีความพร้อมจะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่ได้มีการจัดลำดับ เพราะต้องผ่านขั้นตอนของคณะกรรมการบริหารพรรคก่อน ดังนั้น หากวันนี้จะให้มีการเสนอชื่อโหวตอาจต้องขอเลื่อนไปก่อน
"เพื่อไทยเลือกแคนดิเดทนายกฯ ที่มีความแตกต่าง นายชัยเกษม เชื่อว่าในหมู่ราชการมีความเชื่อมั่น และมีประวัติที่ดี น.ส.แพทองธาร มีฐานมวลชน และนายเศรษฐา แม้เพิ่งเข้ามาใหม่ แต่เคยทำงานกับเพื่อไทย ร่วมกับทีมเศรษฐกิจในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้ง 3 คน มีจุดเด่นจุดแข็ง ขึ้นอยู่กับว่าใครจะขึ้นมา ในพรรคฯ รู้กันว่าทั้ง 3 คน ต่างเกี่ยงกัน ต้องดูที่กรรมการบริหาร ที่รับฟังความเห็นของ สส. มาแล้วระดับหนึ่ง" นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ว่าเสนอชื่อแคนดิเดทนายกฯ เพื่อไทยคนใดก็ตาม แนวโน้มไม่ได้ออกมาว่าคะแนนจะออกมามากกว่านี้ ดังนั้น เตรียมการว่าอาจมีการพูดคุยกับ สส. พรรคอื่น ๆ นอกจาก 8 พรรค ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคชาติพัฒนา พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่าทุกพรรคมีความคิดเห็นอย่างไร ขณะเดียวกัน ก็ต้องพิจารณาเงื่อนไขกับแต่ละพรรคการเมืองว่าสอดคล้องหรือไม่อย่างไร
"วันนี้เกมการเมืองยาก เพราะหันหน้าไปทางไหนก็ล้วนแต่มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเลือกใครเข้าร่วมก็มีราคาที่ต้องจ่าย แม้กระทั่งก้าวไกล ถ้าอยากเข้าร่วมในการเป็นรัฐบาลร่วมกัน ดูจากเหตุผลต่างๆ ตอนนี้ก็มีต้นทุนที่ต้องจ่ายเช่นกัน เช่น การลดเพดานลง และทำให้ทุกอย่างดีขึ้น เพราะฟังจากเสียงอภิปรายในสภาฯ ก็ชัดเจนว่าเป็นเช่นนั้น ต้องเคารพแต่ละพรรคว่าเงื่อนไขแต่ละพรรคคืออะไร ตรงนั้นที่ชัดเจนขึ้นก็จะนำมาประกอบ อย่างไรก็ดี จะยึดเอา MOU ของ 8 พรรคเป็นหลักก่อน" นายภูมิธรรม กล่าว
อย่างไรก็ดี กรณีถ้าเพื่อไทยรับเงื่อนไขพรรคต่างๆ ไม่ได้ ก็มีหนทางเดียวคือหา สว. ซึ่งส่วนที่บอกว่าไม่ได้ ก็ไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรไปมากกว่านี้ ถ้าเป็นเสียงที่งดออกเสียง หรือไม่มาประชุม ก็เป็นเป้าหมายที่ต้องดำเนินการใน 7 วัน ว่า จะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ หรือถ้าจะเปลี่ยนแปลงต้องมีเงื่อนไขอะไร
ส่วนการโหวตนายกฯ ครั้งที่ 3 ยังไม่ได้สรุปวัน แต่ในทางปฏิบัติต้องให้พรรคที่ 3 ได้ดำเนินการ อย่างไรก็ดี ในช่วง 7 วัน เพื่อไทยไม่กังวล เนื่องจากมีผู้ใหญ่จำนวนมากที่มีสายสัมพันธ์กับพรรคการเมืองอื่นๆ และ สว. ในจังหวัดต่างๆ