นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยแถลงรับไม้ต่อพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลว่า พรรคเพื่อไทยเห็นว่าภายใต้ข้อตกลงของ 8 พรรคการเมืองเดิม พรรคการเมืองทั้ง 8 พรรคสามารถรวมเสียงได้ 312 เสียง ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาไม่เห็นชอบเนื่องจากมีเงื่อนไขสำคัญที่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงส่งผลให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงมีความจำเป็นต้องหาเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาเพิ่มเติม เพื่อให้ได้เสียงเกินกว่า 375 เสียง เบื้องต้นพรรคเพื่อไทยจะขอเสียงสนับสุนนจาก สว. และ สส.จากพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ในที่สุด โดยจะนำแนวทางต่าง ๆ เข้าหารือร่วมกับ 8 พรรคการเมืองเดิมในเวลา 15.00 น. เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป
ส่วนเรื่อง MOU ขณะนี้ยังอยู่บนพื้นฐานของ 8 พรรคร่วม ซึ่งประเด็นนี้จะต้องหารือกัน เพราะเป้าหมายต้องการเพิ่มเสียงให้ได้ 375 เสียง ซึ่งหนทางใดที่จะเพิ่มเสียง แต่ไม่สอดรับกับ MOU ก็จะต้องพิจารณา
พร้อมกันนั้น จะหารือกับพรรคก้าวไกลว่าหากประเด็นการแก้ไข ม.112 เป็นปัญหาที่ทำให้จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้หรือไม่ และจะฝ่าไปได้อย่างไร
ส่วนวันที่ 27 ก.ค. จะมีการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดทนายกฯ พรรคเพื่อไทย ต่อที่ประชุมรัฐสภาเลยหรือไม่นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นกระบวนการที่พรรคเพื่อไทยต้องดำเนินการในพรรค ซึ่งส่วนหนึ่งคณะกรรมการบริหารพรรคได้มอบหมายให้ตนดำเนินการแทน อย่างไรก็ดี ต้องดำเนินการนำเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรควันที่ 26 ก.ค. ในเวลา 17.00 น. เพื่อขอมติรับรองครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะโหวตนายกฯ ในวันที่ 27 ก.ค.นี้
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันเงื่อนไขจัดตั้งรัฐบาล เพื่อออกจากปัญหาที่ประชาชนเผชิญอยู่ เรารอมา 2 เดือนกว่าแล้ว จำเป็นต้องตั้งรัฐบาลให้ได้ ฝ่าเงื่อนไขต่างๆ ให้ได้ และตั้งเป้าหมายต้องได้นายกรัฐมนตรีวันที่ 27 ก.ค.นี้ให้ได้
สำหรับในประเด็นเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งเป็นเงื่อนไขทำให้การโหวตนายกฯ ในครั้งแรกไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภานั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้จะมีการหารือใน 8 พรรคร่วม เพื่อให้ได้เห็นปัญหาตรงกันว่า ปัญหาที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลคืออะไร ซึ่งพรรคเพื่อไทยมองว่า มาตรา 112 เป็นประเด็นหนึ่ง ซึ่งจะได้มีการถามความเห็นจาก 8 พรรคร่วมว่ามีเรื่องใดอีกบ้าง และจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
ส่วนวันนี้จะได้ข้อสรุปเลยหรือไม่ว่าพรรคก้าวไกลจะได้ไปต่อกับ 8 พรรคร่วมหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า เพราะต้องอยู่ที่การหารือกัน นอกจากนี้ ยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้ว่าหากพรรคก้าวไกลไม่ยอมลดเพดานเรื่องมาตรา 112 พรรคเพื่อไทยจะเดินต่ออย่างไร โดยกล่าวเพียงว่า น่าจะมีการหารือและได้ข้อสรุปหลังจากการประชุม 8 พรรคร่วมในวันนี้ แต่ถ้าให้ตอบตอนนี้ คงไม่มีใครตอบแทนใครได้
ส่วนแนวทางการทำความเข้าใจกับพรรคก้าวไกล ถึงความจำเป็นที่ต้องหาเสียงเพิ่มเติมจากฝ่ายต่างๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า คงได้พูดคุยกันในที่ประชุม 8 พรรคร่วม แต่ถ้าจะยืนยัน 312 เสียงแบบเดิมไม่ขัดข้อง ก็ต้องบอกให้ชัดเจนว่า เสียงที่ได้เพิ่มนั้นจะมาจากไหน
ส่วนการที่ สว.บอกว่า ถ้ามีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลจะโหวตไม่สนับสนุนนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ขอให้พรรคได้ทำงานก่อน
นายภูมิธรรม ตอบคำถามว่าหากเกิดกรณีการโหวตนายเศรษฐา ไม่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภา และพรรคก้าวไกล พยายามปิดทางไม่ให้เกิดการข้ามขั้วว่า วันนี้ตั้งใจจะต้องโหวตให้ผ่าน ต้องทำอย่างสุดความสามารถ เพราะเราอยากตั้งรัฐบาลให้ได้ และเชื่อว่าวันที่ 27 ก.ค. จะได้นายกรัฐมนตรี
ส่วนจะยืนยันได้หรือไม่ว่า ไม่จับมือกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังพูดอะไรตอนนี้ไม่ได้ ต้องหารือกับ 8 พรรค และมาดูว่าอะไรคือหนทางสำเร็จที่ตั้งรัฐบาลได้ และแก้ปัญหาที่เป็นอยู่ได้
ส่วนที่มีนักวิชาการบางคนประเมินว่า หากยังมีพรรคก้าวไกลร่วมอยู่ ก็จะโหวตนายกรัฐมนตรีไม่ผ่าน จึงอาจเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยก่อนหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าเพิ่งมโน หรือคิดโดยไม่มีพื้นฐานความเป็นจริง