นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวภายหลังการหารือกับแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ว่า การนัดหารือกับแกนนำ ชทพ.เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาวิกฤตและทางออกของประเทศเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งได้มอบหมายจากพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้ พท.ดำเนินการตามมติ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในการแสวงหาเสียงสนับสนุนในรัฐสภาจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งมีคณะทำงานอีกชุดหนึ่งดำเนินการคู่ขนานไปกับการพูดคุยกับแกนนำพรรคการเมืองในรัฐสภาว่ามีแนวคิดอย่างไร แม้ที่ผ่านมาจะมีพรรคการเมืองนำเสนอแนวคิดผ่านสื่อมวลชนมาแล้วก็ตาม โดยเชิญแต่ละพรรคมาหารือว่ามีแนวคิดอย่างไร ไม่ใช่เชิญมาเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
สำหรับคำตอบที่ได้จากทุกพรรคการเมืองที่เชิญมาหารือจะได้สรุปเสนอให้ที่ประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลพิจารณาว่าจะมีแนวทางขับเคลื่อนการจัดตั้งรัฐบาลอย่างไรกันต่อไป ซึ่ง พท.ทำงานอย่างเปิดเผย ไม่มีลับลมคมใน และทำงานตามขั้นตอนของมติที่ได้รับมอบหมายจาก 8 พรรคร่วมจัดรัฐบาล
"เราดำเนินการตามแนวทางตามเงื่อนไขที่ 8 พรรคร่วมมีมติให้พรรคเพื่อไทยดำเนินการ ข้อพิจารณาทั้งหมดรวมไปถึงคำตอบที่ได้จะเข้าสู่การพิจารณาของ 8 พรรคร่วมว่าเห็นอย่างไร เราต้องจะเอาไปพูดคุยกัน ดังนั้นจึงขอเรียนว่าคำตอบที่ได้จากพรรคการเมืองต่างๆ นั้น ไม่ใช่การผลักดันให้พรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านใดๆ พรรคเพื่อไทยทำงานเปิดเผย ไม่มีลับลมคมในกับเพื่อน ข้อเสนอ 3 ข้อที่ 8 พรรคร่วมให้แนวทางพรรคเพื่อไทยมาเราก็ทำงานตามนั้น ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจึงเป็นการที่เราทำตามกระบวนการ" นพ.ชลน่าน กล่าว
ส่วนกรณีที่มีผู้เสนอให้เลื่อนวันประชุมเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 ก.ค.66 นั้น เนื่องจากการกำหนดวันประชุมต้องมาจากความเห็น 3 ฝ่ายที่ต้องมีเหตุผลว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อนวันประชุมหรือไม่ อย่างไร ส่วนความเห็นของสมาชิก พท.นั้นถือเป็นเสรีภาพส่วนตัวของแต่ละคน ที่ไม่ได้ปิดกั้น แต่การตัดสินใจต้องชั่งน้ำหนักว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร
โดยเป้าหมายการรวบรวมเสียงสนับสนุนคือ 375 เสียง ถ้าทุกฝ่ายปัดตก 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลก็ต้องมาพิจารณาว่าจะทำอย่างไร ส่วนคำพูดของในอดีตที่เคยประกาศไว้ว่าจะไม่ทำงานร่วมกับพรรคการเมืองใดนั้นก็ยังจำได้ แต่สถานการณ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไรตนคงตอบไม่ได้ เพราะยังไม่เกิดขึ้น ส่วนที่มีสมาชิก ก.ก.บางคนบอกว่าทำตามขั้นตอนนั้นต้องถามว่าคือใคร เพราะเราทำตามมติที่ได้ตกลงกันในที่ประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นการทำงานคู่ขนานกันไป โดยมีบันทึกการประชุมไว้ชัดเจน
นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ชทพ. กล่าวว่า การพูดคุยกันในวันนี้ได้ตอกย้ำจุดยืนของ ชทพ.ที่มีมาตั้งแต่จัดตั้งพรรคแล้วว่าการทำงานร่วมกันในทุกบริบทจะต้องมีนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน จุดยืนข้อหนึ่งคือ การเทิดทูนสถาบันฯ การไม่แตะ ไม่แก้ไข ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่ยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 และทัศนคติในเชิงบวกต่อสถาบันฯ ไม่ว่าแนวทางของพรรคการเมืองใดก็ตามที่มีแนวคิดเช่นนี้ก็สามารถร่วมทำงานกันได้ แต่หากมีพรรคการเมืองใดมีความคิดแตกต่างไปจากนี้ก็ต้องแยกย้ายกันการทำงาน
พท.มีแนวทางคล้ายกับ ชทพ.เกี่ยวกับเรื่องสถาบันฯ และมาตรา 112 หากมีการเสนอชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของ พท.ทาง ชทพ.ก็ยินดีที่จะสนับสนุน แต่การทำงานของ พท.จะต้องไม่มีพรรคการเมืองใดที่มีแนวคิดแตกแยกออกไปออกจากจุดยืนของ ชทพ. และหากมีพรรคการเมืองใดมีแนวคิดแตกแยกออกไปก็ต้องแยกย้ายกันทำงาน
"เราไม่เลือกที่รักมักที่ชังพรรคนั้นพรรคนี้ แต่ยินดีที่จะสนับสนุนหากมีแนวคิดไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าคิดคนละด้านก็คงทำงานร่วมกันไปไม่รอด เราไม่ได้เขยื้อนออกจากแนวคิดนี้เลย" นายวราวุธ กล่าว