รายงานข่าวระบุว่า นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน นัดประชุมด่วนในช่วงเช้าวันนี้ เพื่อหารือวาระสำคัญ โดยคาดว่าจะเป็นคำร้องของ 2 นักวิชาการ ที่ขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยการลงมติของที่ประชุมรัฐสภาว่าการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาลงมติเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นการเสนอญัตติซ้ำหรือไม่
หลังจากที่นายพรชัย เทพปัญญา นักวิชาการอิสระ และนายบุญส่ง ชเลธร อาจารย์ประจำคณะนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 เข้าชื่อเพื่อขอให้เสนอเรื่อง พร้อมความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยว่า การที่ที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 19 ก.ค.66 มีมติว่าการเสนอชื่อนายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาลงมติเป็นนายกรัฐมนตรี ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.2563 ข้อที่ 41 เป็นการเสนอญัตติซ้ำนั้น เป็นการกระทำที่ละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้หรือไม่ และหากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ก็ขอให้มีคำสั่งไปยังที่ประชุมรัฐสภา ให้ยุติการเลือกนายกรัฐมนตรีออกไปก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
โดยคำร้องของนักวิชาการทั้ง 2 ระบุว่า การลงมติของที่ประชุมรัฐสภาว่าไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธา รอบ 2 ได้ เนื่องจากเป็นการเสนอญัตติซ้ำ โดยอ้างข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อที่ 41 นั้น มองว่ารัฐธรรมนูญกำหนดการเลือกนายกรัฐมนตรีไว้เป็นการเฉพาะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159 ประกอบมาตรา 272 และตราบใดที่กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรียังไม่เสร็จสิ้น ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีย่อมสามารถถูกเสนอชื่อได้เรื่อยๆ
มติที่ประชุมรัฐสภาดังกล่าว เท่ากับรัฐธรรมนูญถูกละเมิดโดยข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41 หรือไม่ จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 20 ก.ค. นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ก็ได้ยื่นร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ส่งศาล รัฐธรรมนูญวินิจฉัย ในประเด็นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ เวลาประมาณ 14.30 น ผู้ตรวจการแผ่นดิน จะมีการแถลงผลการประชุมดังกล่าว ซึ่งมีแนวโน้มเป็นไปได้สูงว่า ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินจะส่งเรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัย
นายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงการนัดประชุมด่วนวันนี้ว่า เป็นการประชุมนัดแรก จะต้องมาดูข้อมูลและประเด็นต่างๆ ที่ทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รวบรวมตามคำร้องที่มีผู้มายื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยจะต้องหารือกันก่อนว่ามีข้อมูลเพียงพอหรือไม่