นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดหลักฐานใหม่คดีซุกหุ้นของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม โดยจะเข้ายื่นคำร้องเพิ่มเติมต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จากหลักฐานใหม่ที่พบว่านายศักดิ์สยามยังมีหนี้สินคงค้างกับหจก.บุรีเจริญฯ ในวันที่เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี และไม่ได้เปิดเผยในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.
"ผมขอเน้นย้ำว่านี่เป็นการสันนิษฐานถึงความเป็นไปได้จากข้อพิรุธที่พบตามเอกสาร ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ที่จะสืบสวนติดตามเอกสารต่างๆ และตรวจสอบเรื่องนี้ตามคำร้องต่อไป" นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
นายปกรณ์วุฒิ กล่าว่า ตามเอกสารที่ หจก.บุรีเจริญฯ ชี้แจงและยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญถึงกรณีหนี้สินของนายศักดิ์สยาม ในรายละเอียดระบุว่านายศักดิ์สยามเคยกู้ยืมเงินจาก หจก.บุรีเจริญฯ ตั้งแต่ปี 58-59 จำนวน 4 ครั้ง ยอดรวม 108,499,000 บาท และมีสัญญากู้ยืม ต่อมานายศักดิ์สยามได้ชำระหนี้เงินกู้คืนทั้งก้อนในวันที่ 22 เมษายน 2562 ก่อนเข้ารับตำแหน่ง สส. 33 วัน
แต่มีคำถามว่านายศักดิ์สยามชำระหนี้เงินกู้คืนก่อนยื่นบัญชีทรัพย์สินอย่างที่กล่าวอ้างจริงหรือไม่ เพราะในงบการเงินปี 62 ของ หจก.บุรีเจริญฯ สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ระบุว่ายังมีเงินให้หุ้นส่วนผู้จัดการกู้ยืมคงค้างอยู่ 38 ล้านบาท หลังจากนั้นจึงมาปิดยอดหนี้สินในงบการเงินปี 63
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า การตรวจสอบบัญชี การปิดงบการเงินนั้น จำเป็นต้องสอดคล้องกับเอกสารทางการเงินและยอดเงินในบัญชีทั้งหมดของ หจก.บุรีเจริญฯ เพราะเป็นเอกสารที่จำเป็นต้องยื่นต่อหน่วยงานราชการตามกฎหมาย จึงมีความน่าเชื่อถือมากกว่า ดังนั้น เป็นไปได้อย่างมากว่านายศักดิ์สยามยังคงเป็นหนี้ห้างหุ้นส่วนแห่งนี้อยู่ 38 ล้านบาทจนถึงสิ้นปี 62 และไม่ได้ยื่นบัญชีนี้ต่อ ป.ป.ช.
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในวันที่ 22 เมษายน 2562 มีการโอนเงิน 108,499,000 บาทให้หจก.บุรีเจริญฯ ตามในเอกสารจริงๆ พิรุธประการต่อไปหากเอกสารชี้แจงหจก.บุรีเจริญฯ ยอมรับว่านายศักดิ์สยามกู้ยืมเงินทั้งสิ้น 4 ครั้ง ประเด็นก็คือตัวเลขเงินให้หุ้นส่วนผู้จัดการกู้ยืมตั้งแต่ปี 59-61 ระบุตรงกันว่าเป็นยอด 69 ล้านบาท ตรงกับการกู้ยืมครั้งที่ 3 และครั้งที่ 4 รวมกัน แต่การกู้เงินครั้งที่ 1 และ 2 ที่รวมเป็นยอดเงิน 39,499,000 บาทนั้นไม่เคยปรากฏอยู่ในงบการเงินเลย ยอดเงินจำนวนนี้มาจากไหน
ดังนั้น จึงมีข้อสันนิษฐานคือ มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจไม่ได้มีการชำระหนี้ก้อนนี้ทั้งหมด และยังมียอดหนี้คงค้างตามในงบการเงิน จึงใช้วิธีหายอดเงินอื่นที่โอนเข้า หจก.บุรีเจริญฯ มาอ้างว่าเป็นการใช้หนี้ แต่ยอดเงินไม่ตรงกับ 69 ล้านบาทที่ปรากฏในงบการเงิน จึงต้องสร้างยอดหนี้ใหม่ที่ไม่เคยปรากฏในงบการเงินมาก่อนทำสัญญาเงินกู้ขึ้นมา ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าสัญญาเงินกู้ที่ยอดเงินสูงขนาดนี้ มีการติดอากรแสตมป์ที่จะมีวันที่ประทับเพื่อให้มีผลทางกฎหมายอย่างเป็นทางการหรือไม่
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า หากการจ่ายคืนหนี้สินเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562 เกิดขึ้นจริง จะเป็นหลักฐานสำคัญว่าได้ตัดขาดจากหจก.บุรีเจริญฯ โดยเด็ดขาดแล้ว รวมถึงยังทำให้จำนวนทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ที่ตั้งข้อสงสัยไว้ว่ามีพิรุธจะถูกหักล้างทันที จะเป็นหมัดเด็ดที่ทำให้ตนถูกน็อกกลางสภาฯ ในวันนั้น แต่ปรากฎว่านายศักดิ์สยามไม่ได้นำข้อมูลหลักฐานนี้มาชี้แจงในสภาฯ
นอกจากนี้ ยังพบข้อพิรุธในเอกสารใบรับวางบิลที่พบว่ามีการเปลี่ยนที่ตั้งไม่ตรงกับที่ได้แจ้งไว้ รวมถึงยังได้พบรายการเดินบัญชีของนายศักดิ์สยาม รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 27 บัญชีที่มีความผิดปกติ โดยจะมีการยื่นเอกสารในการชี้เบาะแสของผู้ที่น่าจะเชื่อว่าร่วมกันกระทำผิดฐานฟอกเงินที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในเวลา 10.00 น. วันนี้
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า การออกมาเปิดหลักฐานใหม่ในวันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่พรรคอยู่ระหว่างการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล และไม่ทราบว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้นเมื่อไร แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราเคยประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่าต่อให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลก็จะทำงานตรวจสอบรัฐมนตรีทุกคน ไม่เว้นแม้แต่รัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลเอง และเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตก็เป็นเรื่องที่ระบุใน MOU ของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลแล้ว