นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ กล่าวถึงการแก้ไข MOU ของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลว่า MOU ดังกล่าวทั้งหมด 23 ข้อ โดยสนับสนุนให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เป็นนายกรัฐมนตรี และส่วนใหญ่เป็นนโยบายของพรรคก้าวไกล แต่เมื่อพรรคก้าวไกลส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว MOU เดิมก็ใช้ไม่ได้ ควรต้องจัดทำใหม่
ส่วนจะทำ MOU ขึ้นใหม่เลย หรือยึดร่างเดิมแล้วเปลี่ยนแปลงแก้ไขเฉพาะบางส่วนนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย
"อยู่ที่พรรคเพื่อไทย หากยึดร่างเดิม แล้วนำมาเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพื่อสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ ของเพื่อไทย แล้วเอา 8 พรรคร่วมเดิมมาเป็นแนวร่วมก็ยังเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนข้อความเท่านั้น แต่ที่เสนอให้แก้ไข เพราะอ่านทบทวนดูแล้วใน MOU เดิมเนื้อหาเป็นของพรรคก้าวไกลทั้งหมด เมื่อส่งไม้ต่อให้ ก็ต้องให้พรรคเพื่อไทยไปทำใหม่ โดยจะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือในที่ประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล" นายเชาวฤทธิ์ ระบุ
ส่วนการชวนพรรคการเมืองอื่น เข้ามาร่วมเพิ่มเติมให้ได้ถึง 375 เสียงนั้นอยู่ที่การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย เพราะทั้ง 8 พรรคได้มอบอำนาจให้พรรคเพื่อไทย เป็นผู้ประสานกับพรรคการเมืองอื่น และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ต้องทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
กรณีพรรคเพื่อไทย หารือกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถูกมองว่าเป็นการยืมมือเพื่อนผลักพรรคก้าวไกลออกไปนั้น นายเชาวฤทธิ์ กล่าวว่า คงไม่เป็นอย่างนั้น เพราะพรรคเพื่อไทยเชิญพรรคต่างขั้วมาปรึกษาหาทางออก ซึ่งทั้ง 5 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมได้ให้คำแนะนำกับพรรค 8 พรรคร่วมว่ามีปัญหาอะไร และควรจะแก้ไขอย่างไร