นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังสังคมใหม่จะเสนอให้ 8 พรรคร่วมฯ ปรับเปลี่ยน MOU 23 ข้อที่ได้ตกลงกันไว้ว่า MOU เป็นของ 8 พรรคร่วมฯ ที่ได้พูดคุยกันและตกผลึกมา ขณะที่ MOU ระหว่าง ก.ก.กับ พท.เป็นฉบับที่ 2 มีประมาณ 4 ข้อ เมื่อ พท.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็จะต้องปรับแก้ให้มีความสอดคล้องกัน เพราะแค่ข้อ 1 ที่ทุกพรรคสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังคงดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายจากมติ 8 พรรคร่วมฯ โดยเฉพาะการเจรจากับ สว. และรอผลการตัดสินใจอีกหลายอย่าง โดยได้พูดคุยกับนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ว่าเสียง สว.ที่โหวตสนับสนุนน 13 เสียงก็ยังคงอยู่ ส่วนที่ พท.ไปประสานกับ สว.เพิ่มเติมก็ยังอยู่ระหว่างการพูดคุย บางส่วนก็ได้ตัดสินใจแไปล้ว ขอให้คอยก่อน เพราะยังมีเวลา
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า สว.หลายคนยังติดขัดประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 แต่ก็ยังไม่สามารถประเมินได้ว่ามีเสียง สว.จำนวนเท่าใดที่คิดเห็นแบบนั้น ขอไปรวบรวมและทำตัวเลขก่อน เพราะนอกจากจะคุยกับ สว.แล้วยังได้พูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นๆ ด้วย ซึ่งทั้ง 8 พรรคร่วมฯ ต้องมาพูดคุยกันอีกครั้ง ถ้าการหารือเลื่อนไปสัปดาห์หน้าก็ยังมีเวลาอีก 1 สัปดาห์
พร้อมปฏิเสธข่าวแกนนำ ก.ก.กับ พท.ขัดแย้งจนไม่มองหน้ากัน เพราะเมื่อวานยังโทรศัพท์คุยกับเลขาธิการพรรค ก.ก. ซึ่งเข้าใจกันดีถึงการเลื่อนหารือ 8 พรรคร่วมฯ หาก พท.นัดวันใดก็พร้อมมาพูดคุย
นายประเสริฐ กล่าวว่า อย่าเพิ่งมองว่า พท.ยืมมือเพื่อนผลัก ก.ก.ออกไป เพราะยังไม่ได้มีการตกลงเข้าร่วมรัฐบาลหรือจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นการพูดคุยว่าสถานการณ์การเมืองเป็นแบบนี้ทุกคนคิดเห็นอย่างไร เชื่อว่า ก.ก.รับรู้ในสิ่งที่ พท.ดำเนินการอยู่ เพราะมีการพูดคุยกันแล้วว่าจะไปพูดคุยกับทุกพรรค
สำหรับการประชุม สส.ของ พท.ในวันนี้ จะรับฟังเสียงของ สส.ที่ไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับการโหวตนายกรัฐมนตรี และคาดว่าจะมีการพูดคุยเรื่องแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี หลังจากกรรมการบริหารพรรคได้มอบหมายให้หัวหน้าพรรคมีอำนาจในการตัดสินใจ ซึ่งพรรคก็ต้องการให้การเสนอชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคในครั้งแรกสามารถได้รับเลือกเลยในครั้งเดียว