ทันทีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะบุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า นายทักษิณ เตรียมตัวจะเดินทางกลับไทยวันที่ 10 ส.ค. ที่สนามบินดอนเมือง ได้กลายเป็นกระแสที่พูดถึงในโลกออนไลน์จนพุ่งติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ทั้ง #ทักษิณ รองลงมาคือ #74ปีทักษิณชินวัตร และ #เพื่อไทย
ประเด็นการประกาศกำหนดกลับประเทศไทยชัดเจนที่สุดของ "ทักษิณ" ครั้งนี้ บรรดานักวิชาการการเมือง มองว่าเป็นแรงกดดันให้พรรคเพื่อไทยต้องเดินมาถึงทาง 2 แพร่งที่จะต้องตัดสินใจเลือกระหว่างการจับมือ 8 รรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล หรือการพลิกขั้วไปจับมือกับพรรครัฐบาลเดิม
นายโอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะเคยออกมาปฏิเสธว่านายทักษิณ ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล ก็คงเป็นเพียงแค่ในทางนิตินัยเท่านั้น แต่ในทางพฤตินัยนั้นคงไม่มีใครเชื่อเช่นนั้น
สถานการณ์ดังกล่าว มองว่า จะเป็นแรงกดดันให้พรรคเพื่อไทยต้องเดินมาถึงทาง 2 แพร่งที่จะต้องตัดสินใจเลือก เส้นทางแรก คือ พรรคเพื่อไทยยอมฉีกเอ็มโอยู 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล แล้วพลิกขั้วจับมือกับพรรครัฐบาลเดิม ซึ่งนายทักษิณยังมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมได้ ทั้งในส่วนของรัฐบาล รัฐสภา และมวลชน
เส้นทางที่สอง คือ พรรคเพื่อไทยไม่กล้าฉีกเอ็มโอยู โดยยังจับมือกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่อาจปรับขั้วใหม่ โดยเจรจาให้พรรคก้าวไกลปรับลดเพดานเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ลงมาบ้าง เพื่อดึงพรรคการเมืองเข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติม
นายโอฬาร กล่าวว่า การเดิมเกมการเมืองของพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ เกิดความผิดพลาดที่ยอมไปผูกพันกับเอ็มโอยูกับพรรคก้าวไกล ทำให้ไม่สามารถสลัดออกจากพรรคก้าวไกลเพื่อไปจับขั้วใหม่จัดตั้งรัฐบาลได้ง่ายๆ ซึ่งเชื่อว่าก่อนเลือกตั้ง พรรคก้าวไกลไม่ได้คิดที่จะเป็นรัฐบาลตั้งแต่แรก
แต่หากพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลด้วยกัน ก็เชื่อว่าจะการทำงานจะไม่ราบรื่น ขัดแข้งขัดขากันเอง เพราะการทำงานของพรรคเพื่อไทยมุ่งประโยชน์สำหรับชนชั้นนำ ไม่ได้แก้ไขโครงสร้างที่มีปัญหา ส่วนพรรคก้าวไกลมุ่งประโยชน์สำหรับชนชั้นกลางที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ
สำหรับแนวทางที่จะเปิดโอกาสให้พรรคอันดับ 3 คือ พรรคภูมิใจไทยได้เข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น คงเป็นเรื่องยาก
ขณะที่นายสุขุม นวลสกุล นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ กล่าวว่า หากเป็นการเดินทางกลับมาเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็คงเป็นเรื่องปกติ แต่หากเกิดการพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะทำให้ประชาชนเกิดความสงสัยเรื่องข่าวดีลลับให้นายทักษิณเดินทางกลับมาแลกกับการจัดตั้งรัฐบาล ข่าวลือทั้งหลายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเรื่องจริง และจะเกิดกระแสต่อต้านจากประชาชน
"ถ้าไม่เกิด (พลิกขั้ว) ก็ไม่เป็นเรื่อง 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลแตกเมื่อไร คนคงจะไม่ยอม" นายสุขุม กล่าว
DXT360 แพลตฟอร์มติดตามข่าวสารและเสียงของผู้บริโภค (Social Listening) ของบริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด พบว่า ชาวโซเชียลได้มีการโพสต์และทวิตข้อความเกี่ยวกับการกลับบ้านของ "ทักษิณ ชินวัตร" โดยมีผู้กล่าวถึงและการมีส่วนร่วม หรือ Buzz (มาจากการกล่าวถึง (Mention) รวมกับการมีส่วนร่วม (Engagement)) ในช่วงเวลาที่ "อุ๊งอิ๊ง" การประกาศเรื่องนี้สูงถึง 32,706
จากการฟังเสียงบนสังคมออนไลน์ พบว่า เสียงส่วนใหญ่เชื่อว่าการกลับมาครั้งนี้ เชื่อมโยงกับการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีการแสดงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า
- การกลับมามีความเกี่ยวโยงกับการจัดตั้งรัฐบาล เพราะหลังจากมีการเลื่อนประชุมสภา เลื่อนประชุม 8 พรรคร่วม ต่อมาประกาศกลับไทย สรุปว่าผลักก้าวไกลแน่นอน
- ถ้ากลับมาได้แสดงว่าดีลจบแล้ว แสดงว่าดีลผสมพันธุ์เรียบร้อยแล้ว
- เชื่อว่าการกลับมาครั้งนี้น่าจะพูดคุยกันแล้วว่าจะวางมือจากการเมือง ขอแค่กลับมาตายบนแผ่นดินเกิดฐานะคนไทยคนหนึ่ง
- พรรคเพื่อไทย จะตัดสินใจได้เร็วขึ้นชัดเจนขึ้น
- กลับไทยเดือน ส.ค. ตรงกันกับที่นายวิษณุ เครืองาม มือกฎหมายรัฐบาลรักษาการ บอกง่าการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จเดือน ส.ค. คิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากดีลขั้วเก่าจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จแล้ว
- แสดงว่าทุกอย่างต้องจบก่อน 10 ส.ค. ต้องตั้งรัฐบาลและได้นายกรัฐมนตรีก่อน 10 ส.ค.