นายตฤณ แก่นหิรัญ ทนายความในคดีข้อกล่าวหาการยื่นบัญชีทรัพย์สินของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ชี้แจงถึงกรณีที่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่านายศักดิ์สยาม ยังคงมีหนี้กับห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น จำนวน 38 ล้านบาท แต่ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ตนในฐานะฝ่ายกฎหมายขอชี้แจ้งข้อเท็จจริงว่า การแถลงข่าวของนายปกรณ์วุฒิ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่านายศักดิ์สยามยังคงเป็นเจ้าของกิจการใน หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น และปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนั้นเป็นความเท็จทั้งสิ้น
ความจริงคือ นายปกรณ์วุฒิ ทราบดีว่า นายศักดิ์สยาม ได้จำหน่ายจ่ายโอนหุ้นใน หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น และขาดจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของ หจก.ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.61 ปรากฎตามหนังสือรับรองและสำเนาคำร้องขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ลงวันที่ 6 ก.พ.61 ซึ่งเป็นเอกสารที่นายปกรณ์วุฒินำส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยตนเอง
ดังนั้นหนี้จำนวน 38 ล้านบาทที่ปรากฏในเอกสารงบการเงินของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ประจำปี 2562 นั้น ย่อมหมายถึงบุคคลที่มีชื่อเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของ หจก.บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่นในขณะนั้น ซึ่งไม่ใช่นายศักดิ์สยาม นายศักดิ์สยามจึงไม่มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินในหนี้เงินจำนวนดังกล่าวต่อ ป.ป.ช.แต่อย่างใด ขณะที่นายปกรณ์วุฒิแถลงข่าวนั้นได้ยอมรับข้อเท็จจริงว่า สิ่งที่ตนได้แถลงข่าวนั้นเป็นเพียงข้อสันนิษฐานของตนเท่านั้น จึงเป็นการยืนยันในข้อเท็จจริงที่ไม่มีอยู่จริงและขัดแย้งต่อพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนคดีทั้งของในศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช.
นายตฤณ กล่าวว่า ส่วนหนี้จำนวน 38 ล้านที่นายปกรณ์วุฒิอ้างนั้นเป็นการคลาดเคลื่อน ไม่ใช่นิติกรรมอำพราง เพราะเกิดขึ้นในปี 62 ซึ่งนายศักดิ์สยามไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งขณะนั้นหุ้นส่วนผู้จัดการของ หจก.ดังกล่าวมี 2 คน ซึ่งตนไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้เพราะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ส่วนจะเป็นหนี้ของใครต้องไปสอบถามกันเอาเอง
โดยขณะนี้ได้ชี้แจงข้อมูลต่อศาลรัฐธรรมนูญและ ป.ป.ช.ครบถ้วนทุกประเด็นผ่านเอกสารจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,500 หน้า อีกทั้งเป็นเอกสารมหาชนที่สามารถตรวจสอบได้