นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ และ นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ 2 แกนนำคนสำคัญของพรรค เปิดแถลงข่าวตอบรับคำเชิญเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกัพรรคเพื่อไทย โดยมีนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรค และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ร่วมในการแถลงข่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า การเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยด้วยเสียงตั้งต้น 212 เสียง คือเพื่อไทย 141 เสียง และภูมิใจไทย 71 เสียง อยู่ภายใต้หลักการสำคัญ 3 ประการ คือ ไม่แตะต้องมาตรา 112 , ไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย และ ไม่มีพรรคก้าวไกล ส่วนการเชิญพรรคอื่นเข้าร่วมด้วยอย่างไรขั้นอยู่กับดุลยพินิจของพรรคเพื่อไทย
"พรรคเพื่อไทยแจ้งว่ามีความมั่นใจในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ โดยที่พรรคร่วมรัฐบาลที่อยู่ในแผนของพรรคเพื่อไทยมีสส.เกินกึ่งหนึ่งแล้วแน่นอน เป็นไปตามเจตนารมณ์ระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา เราจะร่วมกันหาเสียงสนับสนุนจาก สส. และ สว. เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และประเทศชาติ"
ส่วนการเสนอเชื่อนายกรัฐมนตรีนั้นพรรคภูมิใจไทยพร้อมปฎิบัติตามข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย
ขณะที่นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า จากนี้จะเดินหน้าหาเสียงสนับสนุนให้เกินกึ่งหนึ่งของารัฐสภา หลังจากเบื้องต้นได้เสียง ส.ส.สนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่ยืนยันว่าจะไม่มี 2 ลุงร่วมในรัฐบาล แต่ไม่ปฏิเสธหากมี ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติมาโหวตสนับสนุนให้กับแคนดิเดทของพรรคเพื่อไทย เพื่อผ่าทางตัน
"วันนี้ถือเป็นการเริ่มต้นระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย ถือเป็นสารตั้งต้น 212 เสียงที่มีความเข้มแข็ง หลังจากนี้จะมีการเชิญหาพรรคร่วมอื่นๆ เพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาลภายในสัปดาห์นี้"
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า การจับมือกับพรรคภูมิใจไทยก็ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนเป็นอันดับ 3 เสียงที่สนับสนุนพรรคภูมิใจไทยเอง และกับพรรคเพื่อไทย ร่วมกับพรรคอื่นๆที่มีสมาชิกสภาเกินกึ่งหนึ่งก็ถือเป็นความชอบธรรม เป็นความเชื่อมั่นของประชาชนในระดับหนึ่ง
"เราเชื่อมั่นว่า จับมือกับภูมิใจไทยแล้ว เราสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ และที่สำคัญเงื่อนไขของการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับภูมิใจไทยในการที่จะได้รับเสียงจากสมาชิกวุฒิสภา และพรรคการเมืองอื่นๆ ปัญหาเหล่านี้ไม่เกิดขึ้น หรือลดน้อยถอยลงมากกว่าที่เราจับมือกับพรรคก้าวไกล เพราะฉะนั้นโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จร่วมกับพรรคภูมิใจไทยมีสูงครับ"นพ.ชลน่าน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารัฐบาลที่จะจัดตั้งขึ้นในครั้งนี้จะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว แต่เรายังต้องการการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เนื่องจากปัญหาของประเทศชาติ และประชาชนที่กำลังเผชิญอยู่นี้ มีความเดือดร้อนรุนแรง การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น
"เรามีความประสงค์จะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งในสังคม และวิกฤตรัฐธรรมนูญก่อตัวเป็นปัญหาของประเทศ และประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เราจึงต้องการเสียงสนับสนุนจากทุกพรรคการเมืองให้มาสนับสนุนนายกฯจากพรรคเพื่อไทย โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศ และประชาชนเป็นหลัก อาทิ เมื่อฝ่ายค้านเสนอกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม รัฐบาลพร้อมจะให้การสนับสนุน นอกจากนี้จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่"
พร้อมยืนยันว่า การจับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทยในวันนี้ ยังไม่มีการพูดคุยเรื่องการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี อาจจะดูแปลกหรือไม่น่าเชื่อว่าเริ่มต้นไม่มีการต่อเรื่องเก้าอี้ ซึ่งภายใต้สถานการณ์การเมืองแบบนี้มีความจำเป็นที่ทุกคนร่วมมือกันทำงาน และขณะนี้แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคยังยืนยันว่าเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในช่วงหาเสียงอาจมีการกระทบกระทั้งกันบ้างระหว่าง 2 พรรคการที่รณรงค์ "ไล่หนูตีงูเห่า" เป็นแต่การรณรงค์เพื่อให้ได้เสียง กิจกรรมแต่ละครั้งจัดตามจุดประสงค์ที่เกิดขึ้นขณะนั้นๆ เราไม่เคยประกาศเป็นศัตรูกับใคร เป็นแค่เทคนิคการหาเสียงเพราะทุกพรรคเป็นคู่แข่งกัน
"มิติทางการเมืองเราไปขอเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน เราไม่เคยประกาศเป็นศัตรูกับใคร เราเป็นคู่แข่งกันจริง เทคนิคการหาเสียง วิธีการหาเสียงต่างฝ่ายต่างมี เราไม่เคยคิดศัตรูกัน แต่ทุกพรรคเป็นคู่แข่งทางการเมืองกัน หลังจากยุติจากการมอบอำนาจของประชาชนให้ใคร หลังจากนั้นเราทำหน้าที่ตามที่รับมอบอำนาจ นั้นคือภารกิจที่ต้องทำ ถ้าร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเป็นรัฐบาลของประชาชนได้ ก็ร่วมกันทำ ถ้าร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็มาเป็นฝ่ายตรวจสอบเป็นฝ่ายค้าน"นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับพรรคภูมิใจไทยเห็นว่าทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้ จึงกำหนดแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้
1.ยึดวาระของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และประชาธิปไตย นำความปรองดอง สมานฉันท์กลับคืนสู่ประเทศ
2.จะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวาระแรก จะมีมติให้ทำประชามติขอจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกระบวนการจัดตั้ง ส.ส.ร.
3.ดำเนินงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ สิ่งใดที่เป็นประโยชน์จะร่วมกันผลักดันให้สำเร็จ สิ่งใดที่เป็นปัญหาจะต้องถูกตรวจสอบและเร่งแก้ไขให้ถูกต้อง
4.จัดตั้งรัฐบาลที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้
5.การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้เปิดกว้างให้ สส. และสว. มีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อผ่าทางตันระบบการเมืองของประเทศ และฝ่าวิกฤตรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหาอยู่ในปัจจุบัน
"หลังจากนี้เราจะเดินหน้าทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนในสังคม รวมทั้ง สส. สว. เพื่อแสวงหาความร่วมมือ และกำหนดเจตนารมณ์ในการบริหารประเทศ จึงร้องขอการสนับสนุนจากทุกพรรคการเมืองทุกฝ่าย ทุกคน มาร่วมกันกอบกู้วิกฤตของประเทศในครั้งนี้" นพ.ชลน่าน กล่าว
ขณะที่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้จะเห็นภาพพรรคเพื่อไทยจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองอื่นเพิ่มขึ้น และไม่ได้ปิดโอกาสเสียงจากรายบุคคลที่จะสนับสนุนนายกฯ พรรคเพื่อไทยขอให้มั่นใจว่าจะมีเสียง สส. สนับสนุนเกินครึ่ง ส่วนการขอเสียง สว. อยู่ระหว่างการดำเนินการ และมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีทุกส่วน
ในระบอบประชาธิปไตยเวทีรัฐสภา เป็นเวทีที่รวบรวมความคิดต่างๆของประชาชนที่มาร่วมกัน เพราะฉะนั้นทุกพรรคการเมืองมีฐานประชาชนสนับสนุนทั้งสิ้น การที่จะทำการตั้งรัฐบาลในภาวะวิกฤติแบบนี้ จำเป็นต้องรวบรวมส่วนต่างๆให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ต้องคำนึงอารมณ์ความรู้สึกประชาชนประกอบไปด้วย แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความเป็นจริงที่ปรากฏในสังคมและทำให้เราร่วมมือกันฝ่าวิกฤติของประเทศได้อย่างไร
"เราเริ่มต้นให้รู้สึกว่า การร่วมมือของสองพรรค 212 เสียงเป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นไปได้ และหลังวันนี้ มันจะได้มาจาก 2 ขั้วจากฝากเดิมที่เคยร่วมมือกันใน 8 พรรคเดิม ทั้งจาก 188 ที่ไม่มีปัญหาอะไร อาจมีบางพรรคที่มีปัญหาก็ประกอบการพิจารณา"นายภูมิธรรม กล่าว