พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ มว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีกลุ่มผู้ชุมนุมที่เห็นต่างและที่มีการเคลื่อนไหวว่า ทุกต้องต้องเคารพกฎหมาย แม้จะเป็นสิทธิเสรีภาพของแต่ละบุคคล แต่อย่ามีผลกระทบกับบุคคลอื่น อย่าทำความเสียหายในด้านทรัพย์สินของทางราชการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดูแลและดำเนินการฟ้องร้องตามขั้นตอน ส่วนตัว ไม่อยากให้ทุกคนตกเป็นจำเลย และต้องเข้าใจว่าทุกคนต้องอยู่ในกรอบ ให้นึกถึงคนที่ไม่ร่วมชุมนุมและอยู่อย่างปกติสุข ที่ต้องทำมาหากินสร้างรายได้ แต่แล้วต้องมาเจอปัญหาการชุมนุม ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่สิทธิเสรีภาพที่แท้จริง
ขณะนี้ประเทศไทยฟื้นฟูการท่องเที่ยวแล้ว และมีนักท่องเที่ยวมาเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมีเหตุการณ์คนในประเทศทะเลาะกันอยู่เช่นนี้ เชื่อว่าหลายคนจะไม่เดินทางมายังประเทศไทย ดังนั้นการทำสิ่งใดจะต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและตามรัฐธรรมนูญ การที่จะอ้างเหตุผลต่างๆนาๆ ไม่ใช่เรื่อง จึงขออย่าไปขยายความในเรื่องนี้ เพื่อลดความขัดแย้ง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคภูมิใจไทยจัดตั้งรัฐบาล โดยระบุว่า ตนเองไม่เกี่ยวข้องกับทางการเมือง ขอให้พรรคการเมืองว่าไปตามกลไกของรัฐธรรมนูญ ซึ่งทุกคนต้องยอมรับกติกานี้ ซึ่งที่ผ่านมาใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว แต่วันนี้ทำไมจึงมีปัญหาอะไรกันนักหนากับรัฐธรรมนูญฉบับนี้
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงเหตุการณ์ที่พรรคเพื่อไทยเมื่อวานนี้ว่า ทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) จะต้องประเมินสถานการณ์เพิ่มเติมหากมีการประชุมหรือมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับการตั้งรัฐบาลจะต้องเตรียมมาตรการให้เข้มงวดมากขึ้น ตำรวจทำงานตามการข่าวอยู่แล้ว ซึ่งกลุ่มดังกล่าวก็เป็นกลุ่มที่มีการเฝ้าระวังอยู่แล้ว
โดยทราบว่าจะมีการกล่าวหาดำเนินคดี ซึ่งข้อหา คือ บุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด ใครที่เคยได้รับการประกันตัว หรือทำผิดซ้ำซากก็มีโอกาสที่จะถูกเพิกถอนประกัน จึงอยากจะเตือนว่าสิทธิการชุมนุม ทุกคนมีสิทธิที่จะชุมนุมได้แต่ว่าต้องชุมนุมอยู่ในกรอบกฎหมาย จึงอยากเตือนว่าทุกคนมีกรอบกฎหมายเท่ากัน แต่ละครั้งที่ทำเท่ากับความผิด 1 กรรม