พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ซึ่งเป็น 1 ใน 8 พรรคที่ร่วมเซ็น MOU จัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เป็นแกนนำ ออกแถลงการณ์ล่าสุด ยืนยันไม่สลับขั้ว-ย้ายฝั่ง ไม่เป็นที่เหยียบยืนให้เผด็จการ หลังมีการยกเลิก MOU ฉบับดังกล่าวเมื่อพรรคก้าวไกลส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พร้อมมั่นใจว่า สมาชิกทุกรุ่นจะร่วมมือกันทำงานหนักเพื่อให้พรรคไทยสร้างไทย เป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้อย่างแท้จริง
สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ มีประเด็นที่สำคัญ คือ รัฐสภายังรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบในรอบ 2 ไม่สามารถเสนอซ้ำอีก ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา และยังรอความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ว่าจะรวบรวมเสียงสนับสนุนได้เท่าใด
ทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นประเด็นที่สำคัญ และอาจจะเป็นทางออกให้กับการจัดตั้งรัฐบาลที่ประชาชนรอคอย ซึ่งพรรคไทยสร้างไทย ได้แสดงจุดยืนภายใต้หลักการที่ชัดเจนของพรรคมาโดยตลอด ว่าจะไม่มีการสลับขั้ว-ย้ายฝั่ง และไม่เป็นที่เหยียบยืนให้กับเผด็จการอย่างเด็ดขาด เพื่อที่จะยุติการสืบทอดอำนาจของ "2 ลุง" อย่างถาวร รวมทั้งประเด็นที่จะทำงานร่วมกันกับพรรคการเมืองอื่นๆ ที่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เกิดประชาธิปไตยที่แท้จริงเพื่อประชาชน และแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้ประชาชนอย่างเร่งด่วน
เมื่อทราบแนวทางที่ชัดเจนแล้ว พรรคฯ จึงจะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นไปตามกลไกภายในของพรรคที่ต้องให้คณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมกันพิจารณาว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลต่อไป โดยเรายืนยันว่าจะยึดมั่นในสิ่งที่สัญญาเป็นสัจจะที่ให้ไว้กับประชาชน ทั้งการไม่เป็นนั่งร้านให้เผด็จการ และผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน รวมทั้งเร่งแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนให้เป็นรูปธรรม
พรรคฯ ขอยืนยันจุดยืนที่เคยประกาศเป็นสัญญาประชาคมไว้ก่อนการเลือกตั้ง 4 ประการ ดังนี้
1. ยุติการสืบทอดอำนาจของผู้กระทำการรัฐประหารอย่างเด็ดขาด โดยไม่สนับสนุน 2 ลุง และพรรค 2 ลุงให้ได้บริหารประเทศอีกต่อไป
2. เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญคืนอำนาจให้ประชาชนจากการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ซึ่งพรรคได้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่สภาแล้ว โดยจะไม่แก้ไขหมวด 1 และหมวด 2
3. เร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้กับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
4. ไม่แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่ให้ตรวจสอบการบังคับใช้ ไม่ให้เป็นเครื่องมือทางการเมือง อันอาจจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เสื่อมเสีย