นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) แถลงข่าวจับมือร่วมจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทย โดยยินดีตอบรับเทียบเชิญเข้าร่วมรัฐบาล เนื่องจากมีแนวคิด นโยบาย ทัศนคติ ที่ไปในทิศทางเดียวกัน และสามารถทำงานด้วยกันเป็นผลดีกับประเทศที่สุด
"วันนี้ พวกเราชาติไทยพัฒนา ขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ส่งสารเชิญมา พอมีแนวนโยบาย แนวคิดที่ตรงกัน ยินดีตอบรับคำเชิญของพรรคเพื่อไทยในการจะเข้าร่วมทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และเชื่อมั่นศักยภาพเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล" นายวราวุธ กล่าว
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการดึงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากขณะนี้พรรคเพื่อไทยสามารถรวบรวมเสียงได้ 238 เสียง ว่า สิ่งที่เราให้การรับรอง คือ เรามีเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง ส่วนจะมีเสียงข้างมากถึง 300 เสียงหรือไม่ อยู่ในขั้นตอนที่กำลังทำงานกัน และพรรคเพื่อไทยมีข้อจำกัดในทางเลือกต่างๆ แต่พรรคพยายามทำทางเลือกให้ดีที่สุด บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ แต่ถ้าเป็นไปไม่ได้ ทางเลือกต่อมาเราก็ต้องเลือก เพราะเราเชื่อว่า จัดตั้งรัฐบาลไม่ใช่เพื่อพรรค แต่ทำเพื่อประเทศชาติ
"ผลการทำงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เรามั่นใจประเทศจะกลับมา การแบ่งขั้วแบ่งสี การทำหน้าที่ร่วมกัน ถ้าเราสามารถควบคุมได้ในฐานะผู้นำเอาทุกฝ่ายมาร่วมมือกัน ก็อาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่เดินหน้าได้" นพ.ชลน่าน กล่าว
สำหรับข้อกังวลของสว.ที่เห็นพรรคเพื่อไทยไปพูดคุยกับพรรคก้าวไกล แล้วอาจดึงพรรคก้าวไกลเข้าหลังตั้งรัฐบาลนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การพูดคุยกับพรรคก้าวไกล เป็นเจตจำนงค์เพียงเพื่อไปสอบถามถึงความเป็นได้ในการช่วยกันปลดล็อกรัฐธรรมนูญ เราไม่ได้เชิญชวนพรรคก้าวไกลมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไม่มีพันธะสัญญาว่า ต้องให้พรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลหลังจากนี้ และเชื่อว่า ความกังวลของสว.บางส่วนสามารถตอบคำถามได้ และเชื่อว่า น่าจะได้การยอมรับ
"เราไม่เคยเกลียดพรรคก้าวไกล เราไม่เคยปฏิเสธเสียงพี่น้องประชาชนที่ให้มา แต่สถานการณ์แบบนี้ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้ เท่ากับปฏิเสธความรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ต่อประเทศชาติบ้านเมือง และการแสวงหาเสียงเพิ่ม เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมที่เราได้รับมอบหมาย"นพ.ชลน่าน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การที่เราพูดคุยกับทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็นพรรคก้าวไกล หรือพรรคใดๆ เพื่อขอคะแนนมาโหวตนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่มาจัดตั้งรัฐบาล เราจึงขอให้ทุกพรรคมีส่วนร่วม แต่ถือเป็นเอกสิทธิ์แต่เราพยายามทำหน้าที่ถึงที่สุด
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยินดีรับฟังข้อเสนอจากพรรคก้าวไกล หรือหากตอบว่าไม่สามารถสนับสนุนพรรคเพื่อไทยได้ เราจะใช้แนวทางทางเลือกอื่นๆในการทำงานต่อไป ซึ่งพรรคเพื่อไทยไม่ได้ยึดติดหรืออ้างพรรคก้าวไกล เพื่อเป็นข้ออ้างในการพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่น แต่สิ่งที่เราทำในความเป็นจริงบนพื้นฐานข้อเสนอแนะต่างๆในทุกช่องทาง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การไปพูดคุยกับพรรคก้าวไกลไม่ใช่สิ่งผิดปกติ เพราะเราไปทุกพรรคทุกฝ่าย เป็นการสะท้อนว่า เราต้องการสลายขั้วความขัดแย้งในทุกพรรคการเมือง พร้อมยืนยันว่า การไปพูดคุยไม่ได้ไปเชิญพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาล เพราะเรามีความชัดเจนว่า เมื่อยกเลิก MOU พรรคก้าวไกลจะไปเป็นฝ่ายค้าน สิ่งที่ไปพูดคุยเมื่อวานไปรับฟังความเห็นเท่านั้น และต้องการทำงานการเมืองในสภาอย่างสร้างสรรค์
นายภูมิธรรม ย้ำว่า เราไม่ได้ไปเรียนเชิญพรรคใดเข้าร่วมรัฐบาล แต่เป็นการเชิญมาช่วยโหวตให้ความไว้วางใจในตัวแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งทุกพรรคได้ไปมีการพูดคุยหมดแล้ว แต่กระบวนการต่างๆที่นำมาสู่ข้อสรุปต้องให้เป็นไปตามเวลา ตามวาระ
"ผมยืนยันว่า ก่อนถึงวันเลือกนายกรัฐมนตรี เราจะมีเสียงทั้งหมดให้เห็นว่า สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีจากเราม้วนเดียวจบได้"นายภูมิธรรม กล่าว
ทั้งนี้ หากพรรคก้าวไกลไม่โหวตให้ จะไปพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติมาช่วยโหวตนายกรัฐมนตรีให้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราได้พูดคุยกับทุกฝ่าย และได้พูดถึงสถานการณ์พิเศษ และเจตจำนงค์ของพรรคเพื่อไทย และให้แต่ละฝ่ายไปไตร่ตรอง เพราะยังมีเวลาโหวตอีกหลายวัน
"วันนี้เราทำคู่ขนานกันไป ถ้าพรรคไหนพร้อมเราก็เปิดได้ทีละพรรค จากนี้ไปถ้าพรรคไหนพร้อมเราก็เปิดได้ ทุกพรรคเราคุยหมดแล้ว แต่เราไม่คาดคั้นว่า ต้องตอบเราแบบนั้นแบบนี้ แต่ให้แสดงเจตจำนงค์ แต่ถ้าไม่พร้อมพิสูจน์ให้เราเห็นในวันโหวตนายกรัฐมนตรี" นายภูมิธรรม กล่าว