นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ได้รับทราบข่าวกรณีที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ มีคำสั่งให้ กกต.ชี้แจง 8 ประเด็นเกี่ยวกับกระบวนการจัดการเลือกตั้ง และกรณีมีมติว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการ จึงยังอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาของสำนักงาน กกต.ว่าทั้ง 8 ประเด็นนั้นจะชี้แจงว่าอะไรบ้าง แต่ขอให้มั่นใจว่า กกต.จะตอบครบทั้ง 8 ประเด็น และไม่คิดว่ามีอะไรหนักใจ รายละเอียดรอสำนักงานฯ เสนอขึ้นมา
ส่วนประเด็นคำถามว่า กกต.เคยได้รับทราบหรือมีการชี้แจงจากนายพิธา เรื่องการถือหุ้น บมจ.ไอทีวี เมื่อครั้งเป็น สส.ในปี 62 หรือไม่นั้น กกต.ยังไม่ได้รับแจ้งอะไร จึงยังไม่สามารถตอบรายละเอียดได้ โดยในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร สส.จำนวนกว่า 5 พันคนด้วยกระบวนการเดียวกัน คือ มีหนังสือสอบถามไปยังหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านต่างๆ เมื่อได้รับผลมาแล้วพบว่ามีลักษณะต้องห้ามก็จะพิจารณาไม่ประกาศชื่อ แต่ถ้าไม่มีลักษณะต้องห้ามก็จะประกาศชื่อ และหากมีกระบวนการที่ประกาศชื่อไปแล้วพบว่ามีลักษณะต้องห้าม ก็จะมีการถอนชื่อได้ ซึ่งก็ดำเนินการเหมือนทุกครั้ง กรณีการถือหุ้นของนายพิธา มีผู้มาร้องเรียนภายหลังจำนวน 3 ราย แต่ตอนที่ กกต.ตรวจคุณสมบัติไม่มีหน่วยงานไหนรายงานมาว่าพบนายพิธาถือหุ้น
ประธาน กกต. ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการไต่สวนเอาผิดนายพิธา กรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังลงสมัครตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน ซึ่งทราบว่ามีการส่งเรื่องมาให้กับสำนักงานฯ เมื่องานของคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนดำเนินการเสร็จแล้ว ก็จะส่งมายังส่วนกลางที่มีเลขาธิการ กกต. และก่อนที่จะส่งเรื่องมาให้ กกต.พิจารณา ก็ต้องผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยและคดี ซึ่งทราบว่าขณะนี้เรื่องมาอยู่ที่สำนักงานฯ แล้ว