นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ชักชวนเข้าร่วมรัฐบาลว่า ตนมีความใกล้ชิดคุ้นเคยกับนายสมศักดิ์ มานาน เหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ที่ผ่านมาได้คุยเรื่องการเมืองกัน และเหมือนกับที่นายสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์ว่าถ้ามา ก็ควรมาทั้งพรรค ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการส่งสัญญาณมาทางตน แต่ปัญหาคือตนไม่ได้อยู่ในวงเจรจา เพราะเป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค
ดังนั้นตนทำหน้าที่ได้แค่ส่งสัญญาณให้พรรคทราบว่าทิศทางเป็นอย่างไร ส่วนพรรคจะตัดสินใจอย่างไรนั้นก็แล้วแต่ ซึ่งพรรคอาจจะมีการประสานงานกันแล้วก็ได้ เพียงแต่ตนไม่ทราบ
"ผมไม่ทราบ เพราะหัวหน้าพรรคไม่ได้บอก แต่ผมเชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลใกล้จบแล้ว อีกไม่นาน เราก็คงมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ถ้าถามผม ก็คิดว่าเวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมแล้ว" นายธนกร กล่าว
นายธนกร กล่าวว่า การตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล จะต้องเป็นมติพรรค ซึ่งยืนยันเช่นนั้นมาตลอด วันนี้สื่ออาจมองว่าในพรรคมีปัญหาอะไรหรือไม่ เพราะมีเป็นกลุ่มที่มีที่มาหลากหลาย ความเห็นต่างกันก็เป็นเรื่องปกติ แต่เชื่อว่าจะคุยกันได้หมด ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคแล้ว เพราะประกาศวางมือทางการเมืองไปแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ เคยบอกไว้ว่าไม่ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ขอให้นึกถึงประเทศชาติ ประชาชน และสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลัก ซึ่งท่านเป็นห่วงตรงนี้
นายธนกร มั่นใจว่า รทสช.จะไม่เกิดปัญหางูเห่า หากไปร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย ก็คงไปทั้งพรรค คิดว่าตอนนี้ไม่ควรมีงูเห่าหรืองูจงอางแล้ว ตนคิดว่าทุกอย่างควรจบก่อนโหวตนายกฯ ไม่ว่าจะแสดงออกในภาพฉากทัศน์ไหน
"จะต้องมีการเจรจากันก่อน ไม่เช่นนั้นก็ไม่จบ แต่ถ้ามีการคุยนอกรอบก่อน และเจรจาจบแล้ว ทุกอย่างก็จะจบตามกระบวนการ แต่ไม่มีการต่อรองเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี เพราะเรามีแค่ 36 เสียง ไม่ได้มีเป็นร้อยคน ถ้ามีการเจรจา ก็คงคุยกัน คงไม่มีการต่อรองอะไร" รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุ
ส่วนท่าทีของแกนนำพรรคพลังประชารัฐนั้น นายธนกร มองว่า คงไม่ใช่การช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง คิดว่าเป็นความชัดเจน ที่เข้าใจว่าเขาคงมีการเจรจาหารือกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีการตอบแบบไหน ตนคงไม่ไปก้าวล่วง พปชร.
สำหรับท่าทีพรรคเพื่อไทย แม้ประกาศสลายขั้วแล้วแต่ยังไปคุยกับพรรคก้าวไกลนั้น นายธนกร กล่าวว่า เราต้องเห็นใจ เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่าง ตนคิดว่าความขัดแย้งควรจะยุติได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ควรร่วมกันบริหารประเทศ มีฝ่ายค้านและรัฐบาล วันนี้พรรคก้าวไกลก็ต้องยอมรับในกระบวนการ ไม่ใช่ว่าเสียงมากสุดแล้วจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าจัดตั้งไม่ได้ พรรคอันดับสองก็ต้องจัดตั้งไป พรรคหนึ่งเป็นรัฐบาล และอีกพรรคก็ต้องเป็นฝ่ายค้าน เป็นการถ่วงดุลการบริหารประเทศ
"บางพรรค ก็เหมาะที่จะเป็นฝ่ายค้าน เพราะมีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบ ซึ่งจะทำให้การเมืองมีความเข้มข้นมากขึ้น ประเทศจะได้เดินหน้าอย่างมั่นคง เพราะมีการถ่วงดุลกัน" นายธนกร กล่าว
นายอนุชา นาคาศัย สส.ชัยนาท รทสช. กล่าวยอมรับว่าได้พูดคุยกับนายสมศักดิ์ ถึงแนวทางการเข้าร่วมรัฐบาล แต่ไม่ได้พูดคุยกันลึกถึงรายละเอียด เมื่ออยู่คนละพรรค การพูดคุยเกี่ยวกับกรอบการเมืองต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อให้การดำเนินการทางการเมืองเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีเรื่องอะไรเคลือบแคลงสงสัย
"จะเกิดอะไรก็เป็นเรื่องของ กก.บห. ยินดีที่จะดำเนินการทางการเมืองต่อไปตามมติ กก.บห. ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของ กก.บห. เชื่อว่าจะเร่งพิจารณาอยู่แล้ว การเข้าร่วมรัฐบาลจะไปทั้งพรรคหรือไม่อยู่ที่มีของ กก.บห. ในส่วนของสมาชิกพรรคไม่มีปัญหา"