แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และกลุ่มเสรีมวลชนเพื่อสังคม ร่วมกันออกแถลงการณ์เชิญชวนให้มวลชนร่วมทำกิจกรรมเชิงสัญญลักษณ์เรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยกลับใจหันมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับ 8 พรรคเดิมที่เคยร่วมเซ็นเอ็มโอยูกันไว้ครั้งแรก เพื่อให้เป็นไปตามเจตจำนงค์ในการเลือกตั้งของประชาชน โดยระบุว่า
"หลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้น ผลสรุปว่าฝ่ายประชาธิปไตยได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายแต่ก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาได้ เพราะเนื่องด้วยกลยุทธ์ของเผด็จการที่วางเหล่า สว.ไว้เป็นเครื่องมือขวางมติของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย โดยรัฐธรรมนูญที่ถูกสร้างมาเพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการ
มิหนำซ้ำ พรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอื่นๆ เองก็ดันเริ่มไปเห็นดีเห็นงาม พร้อม และมีแนวโน้มที่จะผสมพันธุ์กับพรรคการเมืองที่ฝักใฝ่รับใช้เผด็จการ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม แต่ผลลัพธ์ที่จะได้กลับมาคือผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงประสงค์ กล่าวคือการที่พรรคการเมืองที่เคยเป็นนั่งร้านเผด็จการ หรือกล่าวให้ถึงที่สุดคือพรรคพวกฝ่ายฝั่งเผด็จการจะได้กลับมาอำนาจในการบริหารประเทศอีกครั้ง อันขัดกับเจตจำนงค์ของประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อไล่เรียงคะแนนและดูคะแนนภาพรวมจะพบว่าสิ่งหนึ่งที่สำคัญต่อการลงคะแนนเลือกตั้งครั้งนี้คือจุดยืนของพรรคการเมืองนั้นๆ ยืนอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยหรือเผด็จการ โดยผลได้ออกมาชัดเจนว่าประชาชนเลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตย
แต่ขณะนี้ เมื่อพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายประชาธิปไตยอื่นๆ เริ่มมีแนวโน้มที่จะตระบัดสัตย์ หักหลังประชาชนจากคำพูดที่ว่า "มีเรา ไม่มีลุง" ได้กลายเป็นเพียงเทคนิคการหาเสียง สังคมก็ได้เริ่มตั้งคำถามว่า อะไรกันทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยหน้ามืดตามัว จนลืมสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นทำไว้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องประชาชนที่สูญเสียทรัพย์สินหรือชีวิตไปในช่วงสถานการณ์โควิด-19, ประชาชนที่จบชีวิตตัวเองเพราะไม่สามารถหาเลี้ยงชีพได้, 99 ชีวิตที่สูญเสียไปในเหตุการณ์เรียกร้องประชาธิปไตยของพี่น้องคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ตอนปี 53, ผู้ที่ถูกบังคับสูญหายอย่าง ต้าร์-วันเฉลิม ที่เป็นอดีตคนในพรรคเพื่อไทยเอง, การจับกุมคมขังเยาวชนที่เรียกร้องประชาธิปไตย, ผู้ที่ต้องลี้ภัยทางการเมือง และเรื่องเลวร้ายอีกมากมายที่ยังไม่ได้กล่าวถึง
เหตุการณ์ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนแล้วก็มาจากฝีมือเผด็จการและนักการเมืองที่รับใช้เผด็จการทั้งสิ้น
แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และกลุ่มเสรีมวลขนเพื่อสังคม จึงมีความคิดเห็นว่า มันถึงเวลาแล้วของประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่จะออกมาอีกครั้งและร่วมกันส่องแสงสว่างให้ถึงหัวใจของสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อเรียกขานมโนธรรม ความยึดมั่นในจิตวิญญาณ ประชาธิปไตย และคำสัญญาที่ให้ไว้แก่ประชาชน ด้วยความหวังที่ต้องการให้ 8 พรรคฝ่ายประชาธิปไตยกลับมาจับมือกันอีกครั้งเพื่อลบล้างผลพวงรัฐประหารทั้งหมดที่ทำร้ายประชาชนมามากกว่าสิบปี
ดังนั้น แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และกลุ่มเสรีมวลชนเพื่อสังคม ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนและทุกกลุ่มองค์กรทั่วประเทศ มาร่วมแคมเปญส่องไฟให้ทางประชาธิปไตยด้วยการร่วมกันทำกิจกรรมรวมตัวส่องไฟฉาย ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทยทุกสาขา หรือสถานที่สาธารณะต่างๆ จนกว่าจิตวิญญาณประชาธิปไดยจะหวนกลับคืนสู่พรรคเพื่อไทย"