นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เปิดเผยภายหลังที่ประชุมรัฐสภามีมติโหวตเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเห็นชอบ 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง งดออกเสียง 81 เสียง ว่า วันนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า การเลือกนายกฯ ในวันนี้ และการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากวันนี้ ไม่ได้เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชนส่วนใหญ่ที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง
พรรคก้าวไกล เน้นย้ำว่า การจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ มิใช่การสลายขั้วลดความขัดแย้ง โดยเอาวาระของประเทศและประชาชนเป็นตัวตั้ง แต่เป็นการสยบยอมและต่อลมหายใจให้แก่ระบบการเมืองที่สถาปนาขึ้นโดยการรัฐประหาร เป็นการทำลายความหวัง ความศรัทธา และอำนาจของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย
ดังนั้น เป็นที่แน่นอนว่าต่อจากนี้ไป พรรคก้าวไกลจะต้องทำงานในฐานะพรรคฝ่ายค้าน โดยจะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ทุกเสียงที่ประชาชนได้มอบให้พรรคก้าวไกลจะต้องมีความหมาย ผู้แทนราษฎรทุกคนของพรรคก้าวไกล จะทำงานอย่างสุดความสามารถ ทั้งในด้านการตรวจสอบฝ่ายบริหาร ทั้งในด้านการผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า ทั้งในด้านการผลักดันวาระของประชาชนผ่านกลไกต่างๆ ของสภา รวมทั้งการทำงานร่วมกับประชาชนนอกสภา เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยร่วมกัน
"แม้ในวันนี้ผู้มีอำนาจจะพยายามทำให้อำนาจของประชาชนไม่มีความหมาย แต่พรรคก้าวไกลจะยังยืนอยู่อย่างมั่นคงกับประชาชน ด้วยความเชื่อมั่นว่าพลังของประชาชน จะสามารถสร้างอนาคตแบบใหม่ให้แก่สังคมไทยได้ในที่สุด สักวันหนึ่งเราจะมีประชาธิปไตยที่แท้จริง สักวันหนึ่งเราจะมีระบบเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า เท่าทันโลก และเป็นธรรม สักวันหนึ่งเราจะมีสังคมที่เคารพความแตกต่างหลากหลาย เคารพสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ยึดถือความมั่นคงของประชาชนเป็นความมั่นคงของชาติ ด้วยความเคารพในประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ" นายชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามถึงบทบาทการตรวจสอบรัฐบาลในฐานะฝ่ายค้าน นายชัยธวัช กล่าวว่า การทำงานในฐานะฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลจะทำอย่างสร้างสรรค์ ยึดหลักการและเหตุผลเป็นตัวตั้ง ตนคิดว่าสิ่งที่จะล้มรัฐบาลชุดนี้ได้ คือศรัทธาของประชาชน นอกจากนี้ แม้จะเป็นฝ่ายค้าน ก็จะเดินหน้าทำงาน เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะบริหารประเทศให้ดีที่สุดในการเลือกตั้งครั้งหน้า นี่คือเป้าหมายของเรา
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ที่เริ่มทำงานการเมืองในสมัยพรรคอนาคตใหม่ มาจนถึงพรรคก้าวไกลที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค จนถึงการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 66 พวกเราทำงานอย่างหนัก เดินหน้าเคาะทุกประตูบ้าน คุยกับทุกคน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์ ออกสัมภาษณ์สื่อ และออกแบบนโยบาย
"การทำงานหนักของพวกเรา และความชัดเจน จริงใจ ตรงไปตรงมา ทำให้พรรคก้าวไกลได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมากที่สุดถึง 14 ล้านเสียง เป็นพรรคที่มีจำนวนผู้แทนราษฎรเป็นอันดับหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎร แต่ก้าวไกลก็ไม่มีใคร นอกจากประชาชน" นายพิธา ระบุ
พรรคก้าวไกลภายใต้การนำของตน จะเป็นตัวแทนพลังใหม่ เป็นความหวัง เป็นที่หนึ่งในดวงใจของประชาชน ด้วยการทำงานทันสมัย มีประสิทธิภาพ ทั้งตรวจสอบการทำงานของผู้มีอำนาจ และทั้งเสนอแนะทางออกของประเทศในประเด็นต่างๆ รวมทั้งการผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า อภิปรายวาระที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย
"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอเชิญเพื่อนพี่น้องทุกคน ร่วมเดินทางไกลอีกครั้งกับพรรคก้าวไกล ช่วยกันรณรงค์ ช่วยกันทำงาน ช่วยกันสร้างความเปลี่ยนแปลง ช่วยกันยืนยันว่าการเมืองวิถีก้าวไกล คือสิ่งที่ทุกคนถวิลหา ช่วยกันยืนยันว่าการเมืองวิถีก้าวไกล เป็นไปได้ ช่วยกันยืนยันว่าการเมืองวิถีก้าวไกล จะลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงในประเทศไทย ช่วยกันยืนยันว่าอำนาจสูงสุดของประเทศนี้เป็นของประชาชน" นายพิธา ระบุ