ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งอนุญาตขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรณีถูกร้องสิ้นสภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เนื่องจากถือครองหุ้น บมจ.ไอทีวี (ITV)
"ระหว่างการพิจารณา ผู้ถูกร้องยื่นคำร้องลงวันที่ 21 สิงหาคม 2566 ขอขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ครั้งที่ 2 ออกไปอีก 30 วันนับถัดจากวันครบกำหนดขยายระยะเวลาครั้งแรกแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตตามขอ" คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ระบุ
คดีนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีนายพิธาถือหุ้นใน บมจ.ไอทีวี (ITV) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อสารมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของ สส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ตำแหน่ง สส.ของนายพิธาว่างลงนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยให้แก่คู่กรณีฟังตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 105 วรรคหนึ่ง (2)
ศาลรัฐธรรมนูญเลื่อนการพิจารณาคดีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ พรรคก้าวไกล ถูกกล่าวหาล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เนื่องจากอยู่ในช่วงที่มีคำสั่งขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาให้กับนายพิธาและ กก.
"ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า ศาลได้อนุญาตให้ผู้ถูกร้องทั้งสองขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ครั้งที่ 2 ไว้ จึงให้เลื่อนการพิจารณาในนัดต่อไป" เอกสารเผยแพร่ของศาลรัฐธรรมนูญ ระบุ
เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญได้ขยายเวลาให้นายพิธา และพรรคก้าวไกล ยื่นคำชี้แจงข้อกล่าวหาออกไปอีก 30 วัน ในคดีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความพระพุทธะอิสระ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของนายพิธา และพรรคก้าวไกล ที่เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... เพื่อยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่