นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ขณะนี้โผรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) นิ่งแล้ว โดยวันนี้จะส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรีให้กับเลขาคณะรัฐมนตรีเพื่อนำไปตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งเข้าใจว่าต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน
"นิ่งหมดแล้ว เข้าใจว่านิ่งหมดแล้วเช้านี้ เพราะเมื่อคืนก็ดึกกัน วันนี้เลขาฯ ครม.จะเข้ามารับรายชื่อเพื่อไปตรวจสอบ" นายเศรษฐา ระบุ
ส่วนการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภานั้น คาดหวังว่าจะทำได้เร็วก่อนกลางเดือนก.ย.นี้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีคณะทำงานที่เตรียมความพร้อมในส่วนนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว
"หวังว่าเร็วกว่านั้น (กลางเดือนก.ย.) จะพยายามเร่งให้เต็มที่ พรรคเพื่อไทยเตรียมการไว้แล้ว คณะทำงานมีความพร้อม หวังว่าเร็วกว่านี้" นายเศรษฐา กล่าว
ส่วนต้องเร่งให้ทันการประชุมสหประชาชาติ (UN) ในช่วงสิ้นเดือนก.ย.นี้หรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ต้องขอดูขั้นตอนก่อน เพราะตามมารยาทจะต้องเดินทางเยือนประเทศในกลุ่มอาเซียนก่อนหรือไม่ ต้องขอศึกษาก่อน แต่ยอมรับว่าเวทีประชุม UN เป็นเวทีใหญ่ และเป็นโอกาสดีที่จะได้พบปะกับผู้นำทั่วโลก ซึ่งอาจจะได้หารือเรื่องธุรกิจการค้าไปด้วย
สำหรับการจัดเก้าอี้รัฐมนตรีใน ครม.ทุกคนพอใจใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ยอมรับว่า ต้องมีทั้งคนที่สมหวัง และคนที่ผิดหวัง เป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็พยายามเต็มที่ให้ทุกคนได้รับตำแหน่ง ก็ยังมีตำแหน่งที่ปรึกษาและเลขาอีกหลายตำแหน่ง ซึ่งเราต้องการความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน และเมื่อมีคนมากขึ้น เราก็จะทำงานได้ดีขึ้น
ส่วนตำแหน่ง รมว.กลาโหม ควรจะเป็นคนนอกหรือคนในพรรคนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ขอให้รอความชัดเจนอีกสักนิด ต้องให้เกียรติกัน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีคนต่อต้าน พล.อ.ณัฐพล นาควานิช ที่คาดการณ์ว่าจะมานั่งตำแหน่ง รมว.กลาโหม นั้น นายเศรษฐา ระบุว่า ตนไม่ทราบเรื่อง และถามกลับว่าใครต่อต้าน แต่ยืนยันว่าเมื่อรายชื่อออกมาแล้ว รับรองว่าจะไม่ผิดหวัง
"ต้องพิสูจน์ที่ผลงาน รมว.เองต้องมีภาวะผู้นำในการพูดคุย ใครก็ตามที่พรรคร่วมรัฐบาลคัดมาแล้ว จะต้องเป็นคนที่ทำงานให้ประชาชน และประเทศชาติได้" นายเศรษฐาระบุ
ส่วนกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ฝากถึงรัฐบาล และ รมว.กลาโหม ในเรื่องการปฏิรูปกองทัพนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนตัวย้ำมาตลอดว่าไม่อยากใช้คำว่าปฏิรูป แต่อยากให้เป็นการพัฒนาร่วมกัน ซึ่งนโยบายนี้ได้พูดไปแล้ว แต่ยังต้องดูความเหมาะสม และต้องพูดคุยกับผู้นำเหล่าทัพทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในแผนที่จะต้องเจรจากัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า วันนี้จะมีการประชุมร่วมกันหลายคณะ เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ และหาแนวทางแก้ไขด้านการบิน เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวร่วมกับ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) หรือ AOT รวมทั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ 8 สายการบิน เพื่อหารือร่วมกันถึงการแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยว เนื่องจากไตรมาสที่ 4 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ถ้าไม่เริ่มกระตุ้นให้ภาคเอกชนเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ การเตรียมความพร้อมอาจไม่ทัน ประกอบกับในช่วงต้นเดือนต.ค. จะเป็นวันชาติจีน ซึ่งจะมีวันหยุดยาว รัฐบาลอยากจะจับตลาดตรงนี้ให้ได้ เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจท่องเที่ยว
สำหรับสิ่งที่ต้องเร่งเดินหน้าในภาคของการท่องเที่ยวนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องเตรียมความพร้อมทั้งในส่วนของสนามบิน และสายการบิน ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมเรื่องความมั่นคงด้วย
"เมื่อมีการเปิดสถานบริการ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะ วันนี้จึงต้องคุยกัน เพื่อจะรองรับตรงนี้ เรามองว่าการท่องเที่ยวจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีที่สุดในระยะสั้น ก่อนที่จะมีดิจิทัลวอลเล็ตเข้ามาในไตรมาส 1 ปีหน้า ซึ่งตัวนี้ ก็คงเป็นตัวที่ carry เศรษฐกิจไทยไป" นายเศรษฐา ระบุ
ส่วนปลายสัปดาห์นี้ จะได้มีการพูดคุยกับสมาคมกีฬาต่างๆ และอยากให้รัฐมนตรีที่ดูแลมาพูดคุยด้วย ส่วนรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ใช่บุคคลที่ไปเปิดตัวในช่วงลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต และพังงาหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า "ทำนองนั้นละครับ" ก่อนหัวเราะและบอกต่อว่า "แหม ก็รู้อยู่แล้ว"