นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวว่า ในการแถลงนโยบายรัฐบาล กมธ.ได้วางแนวทางเบื้องต้นให้ผู้สนใจหรือเชี่ยวชาญในแต่ละเรื่องช่วยกันเสนอแนะแนวทางในการทำงานให้กับรัฐบาล ซึ่งมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับนโยบายที่หาเสียงไว้ และนโยบายที่จะต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงในส่วนของเศรษฐกิจ เช่น นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่จะมีนายสถิตย์ ลิ่มพงษ์พันธ์ สว.ที่เป็นอดีตปลัดกระทรวงการคลัง เป็นผู้อภิปราย
ส่วนนโยบายเกี่ยวกับการเมืองมีข้อห่วงใยเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะการบริหารรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองหลายพรรค ในแต่ละพรรคจะมีนโยบายของแต่ตัวเอง ซึ่งจะต้องผสมผสานกันให้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ข้อสำคัญแต่ละนโยบายนั้นเป็นผลงานของแต่ละพรรค ซึ่ง สว.คงจะต้องเสนอแนวทางให้สามารถบริหารรัฐบาลไปได้ด้วยความราบรื่น และนายกรัฐมนตรี ต้องวางแนวทางในการบริประเทศ โดยต้องดูนโยบายรัฐบาลและของรัฐเป็นหลัก ต้องนำความรู้ความสามารถเดิมที่บริหารองค์กรภาคเอกชนมาเท่าที่จะทำได้
สำหรับนโยบายปรองดองที่มีผู้เสนอให้ออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมนักโทษคดีการเมืองนั้น หากเห็นพ้องต้องกัน ไม่ขัดข้องต่อกัน ขอให้ดำเนินการไป อย่างไรก็ดีในประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น หากจะทำให้เลิกขัดแย้งและบ้านเมืองไม่สงบจริง คนที่กระทำผิดต้องยอมรับผิดในความผิดของตนเอง รวมถึงต้องระบุว่าไม่กลับไปทำผิดในคดีซ้ำอีก
"ผมเชื่อว่าหากทำได้จะทำให้เกิดความปรองดอง และความสงบในบ้านเมือง เรื่องความปรองดองในรัฐบาลนั้น ผมมองว่าจากการรวมกันตั้งรัฐบาลและจัด ครม.ใหม่ นับว่าเป็นความปรองดองที่เกิดขึ้นได้แล้ว" นายเสรี กล่าว
นายเสรี กล่าวถึงบทบาทของต่างชาติที่มีผลต่อนโยบายรัฐบาลนั้น ตนคิดว่าต่างชาติคงไม่แสดงออกอะไรมาก คงต้องรอดูต่อไป เพราะเป็นเรื่องความมั่นคงที่จะต้องพึงระมัดระวัง เพราะในปัจจุบันหลายประเทศหลายชาติที่เป็นมหาอำนาจพยายามก้าวก่ายแทรกแซงประเทศต่างๆ และส่งผ่านมาทางองค์กรภาคเอกชนที่จะสร้างปัญหาได้ เช่น เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ หรือจัดให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้น ซึ่งผ่านองค์กรภาคเอกชนที่มีเงินอุดหนุน มีงบประมาณสนับสนุน ตนคิดว่ารัฐบาลพึงต้องระมัดระวังและอย่าคล้อยตามเรื่องเหล่านี้
ส่วนกรอบเวลาที่เหมาะสมในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลนั้นอยู่ที่สมาชิกว่าจะมีผู้อภิปรายกี่คน และมีเรื่องอะไรบ้าง ถ้าคนอภิปรายน้อยวันเดียวก็พอได้ แต่ถ้ามีคนอภิปรายมาก คิดว่า 2 วันน่าจะเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องระมัดระวังในการบริหารประเทศของรัฐบาลคือ การใช้อำนาจในแนวทางที่มากเกินไป หรือใช้อำนาจไปแนวทางผลประโยน์ ดังนั้นรัฐบาลต้องเตือนตัวเองและระมัดระวังตัวเอง และการทำงานต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจ
"ในช่วงนี้มีการพูดถึงในหลายๆเรื่อง ซึ่งอยู่ในช่วงที่รัฐบาลต้องตัดสินใจอาจจะกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน จึงอยากให้ระมัดระวังการใช้อำนาจของรัฐบาล เพราะในยุคปัจจุบันถูกจับตามองจากพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว ดังนั้นการเชื่อมั่นอะไรต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น หากทำด้วยความระมัดระวังแล้ว อย่าไปยึดอยู่กับผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ต้องใช้มาตรการทางกฎหมายที่เป็นธรรม ไม่มีการกระทำใดที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ก็จะไม่ถูกต่อต้านมาก" นายเสรี กล่าว