นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะกรรมการประสานงาน (วิป) พท. กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้จะเจรจาพูดคุยกับพรรคก้าวไกล (กก.) รวมถึงพรรคการเมืองที่ขอจัดสรรตำแหน่งประธานกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำสภาผู้แทนราษฎรซ้ำกัน โดยไม่รอผลการเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ หลังจากได้ประชุมเพื่อจัดสรรโควตาประธาน กมธ.เมื่อ 4 ก.ย.66 แล้วมีปัญหาไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากตัวแทนของพรรคก้าวไกล ยืนยันว่าต้องการตำแหน่งประธาน กมธ.รวม 11 คณะ เพื่อให้มีบทบาทในการตรวจสอบฝ่ายบริหาร และไม่สามารถถอยให้กับพรรคการเมืองที่มีความต้องการซ้ำคณะกันได้
"ตามสัดส่วนที่คำนวณออกมา พรรคก้าวไกลจะได้โควตา 10 คณะ แต่ในวงประชุมเขายืนยันว่าจะได้ 11 คณะ เพราะในการเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง เขามั่นใจว่าชนะแน่นอน ซึ่งที่ประชุมไม่ว่าอะไร แต่ที่ไม่สามารถคุยกันได้ เพราะพรรคก้าวไกลยืนยันว่า 11 คณะนั้นไม่สามารถจัดสรรให้พรรคอื่นได้ เพราะมีความสำคัญในบทบาทตรวจสอบฝ่ายค้านบริหาร แม้ว่าผมจะเจรจาว่า กมธ.ของสภาทุกคณะมีบทบาทตรวจสอบรัฐบาลและเรียกเอกสารตรวจสอบได้ทั้งหมด ไม่ใช่ว่าต้องเป็นประธาน กมธ.เท่านั้น ดังนั้นการหารือร่วมกันด้วยความประนีประนอม โดยพรรคเพื่อไทยฐานะแกนนำรัฐบาลไม่มีปัญหากับการถูกตรวจสอบ แต่เรื่อง กมธ.นั้นไม่ว่าใครจะเป็นประธาน กมธ.หรือไม่ การทำงานต้องตรวจสอบทุกฝ่ายอยู่ดี" นายวิสุทธิ์ กล่าว
นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่กลัวถูกตรวจสอบ เพราะเมื่อมีสภา มี กมธ. ฝ่ายรัฐบาลต้องพร้อมรับการตรวจสอบจากทุกคณะ แต่ประเด็นจัดสรรโควตาประธาน กมธ.ที่ไม่ลงตัว ไม่อยากให้นำไปพูดนอกรอบว่า เพราะไม่ต้องการให้ฝ่ายตนเองถูกตรวจสอบ เท่ากับเป็นการโจมตีใส่ร้ายกันเกินไป ทั้งนี้ในการหารืออย่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล เดิมเขาต้องการประธาน กมธ.คมนาคม ซึ่งตรงกับ พท. เมื่อเจรจาแล้วได้ถอยให้กัน โดย ปชป.เลือกประธาน กมธ.พาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา, กมธ.การตำรวจ
สำหรับตำแหน่งประธาน กมธ.ทั้ง 35 คณะของสภานั้นพบว่ามีพรรคการเมืองที่ต้องการตำแหน่งซ้ำกัน 6 คณะ คือ กมธ.กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน พรรคประชาชาติซ้ำกับพรรคก้าวไกล, กมธ.การกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่นและการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ, กมธ.แรงงาน พรรคภูมิใจไทยซ้ำกับพรรคก้าวไกล, กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ, กมธ.การคมนาคม, กมธ.ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ พรรคเพื่อไทยซ้ำกับพรรคก้าวไกล ส่วนอีก 29 คณะนั้นมีความลงตัว แต่การเจรจาเมื่อ 4 ก.ย.66 ไม่สามารถตกลงกันได้ ทำให้พรรคการเมืองที่ต้องการซ้ำกันต้องเจรจาและตกลงกันนให้ได้ ก่อนที่จะแจ้งไปยังนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่สอง เพื่อนัดประชุมให้เป็นมติร่วมกันอีกครั้ง