น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เดินทางเข้ากระทรวงวันแรก เข้าสักการะองค์พระนารายณ์ พระภูมิ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และกราบพระพุทธรูปที่ประดิษฐานประจำกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อเป็นสิริมงคลเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง พร้อมหารือข้าราชการประจำกระทรวง มอบนโยบายเร่งด่วนทำทันทีใน 3 เดือน ด้วยการส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพ ยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับอาชีพชุมชนสู่การผลิตที่มีมาตรฐาน การปรับวิถีการดำเนินงานเพื่อให้บริการผู้ประกอบการและประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็วด้วย One Stop Service
น.ส.พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมเพื่อเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่งขับเคลื่อนให้ภาคอุตสาหกรรมเป็นกลไกหลักในการยกระดับเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งได้ประชุมกับปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และข้าราชการในกระทรวง เพื่อหารือแนวทางร่วมกันสำหรับการวางนโยบายต่อไป โดยในระยะเริ่มต้นเร่งด่วน 3 เดือนแรก มีนโยบายที่สามารถทำได้ทันที
ทั้งนี้ ได้กำชับให้หน่วยงานภายในกระทรวงเร่งหาแนวทางเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพ ให้เป็นฟันเฟืองเศรษฐกิจใหม่สำหรับกระตุ้นรายได้มวลรวมของประเทศ ผ่านอุตสาหกรรมเป้าหมาย ประกอบด้วย อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ อุตสาหกรรมชีวภาพ และอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมถึงอุตสาหกรรมฮาลาลด้วย
นอกจากนี้ ยังมุ่งการขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจพิเศษขยายไปสู่ 4 ภาคของประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจและให้เกิดความสะดวกกับนักลงทุนมากขึ้น พร้อมนี้จะเร่งพิจารณาหามาตรการเพื่อส่งเสริมการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายภายในประเทศ ทั้งมาตรการทางภาษี และการขยายจุดให้บริการชาร์จแบตเตอรี่สำหรับประชาชน พร้อมการส่งเสริมศักยภาพและสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้สามารถเข้าถึงโอกาสในการแข่งขัน โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทีมเข้าสำรวจความต้องการของผู้ประกอบการ เพื่อรวบรวมจัดทำเป็นแผนนโยบายในลำดับต่อไป
ขณะเดียวกัน ยังให้ความสำคัญกับการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง ด้วยการสนับสนุนให้ประชาชนมีอาชีพมั่นคงจากต้นทุนในชุมชน ทั้งต้นทุนทางวัฒนธรรมและวัตถุดิบในท้องที่ พร้อมการพัฒนาทักษะอาชีพเสริม เพื่อการลดรายจ่ายในภาคครัวเรือน การผนวกวิชาการอุตสาหกรรมเข้ากับวิถีชุมชน ให้กระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำมีมาตรฐานมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้ยั่งยืนให้กับประชาชน
พร้อมเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทย ก้าวข้ามประเทศกับดักรายได้ปานกลางไปสู่ความมั่งคั่งในอนาคต รวมทั้งการส่งเสริมการเข้าถึงของผู้ประกอบการและประชาชน ด้วย One Stop Service เพื่อให้บริการได้อย่างทั่วถึงและแก้ข้อจำกัดได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
น.ส.พิมพ์ภัทรา กล่าวว่า ได้เน้นย้ำให้ทุกการดำเนินงานมุ่งสู่เป้าหมายอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การวางระบบดูแล ควบคุม และกำจัดของเสียในภาคอุตสาหกรรมที่ไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน การใช้พลังงานทางเลือกสู่การเป็น อุตสาหกรรมไบโอชีวภาพ (Bio Circular Economy) ซึ่งจะได้หารือเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดต้นแบบอุตสาหกรรมคาร์บอนเป็นศูนย์ (Zero Carbon Industry) ในลำดับต่อไป