นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงนโยบายของรัฐบาลโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า เป็นโครงการที่กระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากไปสู่ชุมชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ด้วยกลไกการใช้บล็อกเชน และกำหนดกรอบที่จะสามารถใช้จ่ายเงินที่อยู่ในกระเป๋าเงินดิจิทัล
หลักคิดของนโยบายนี้ คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง ไม่ว่าประชาชนจะอยู่ในจุดใดของประเทศ รวมถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทย เพื่อให้คนไทยในอนาคตสามารถมีกระเป๋าเงิน 2 ใบ คือ กระเป๋าเงินสด และกระเป๋าเงินดิจิทัล ในการสร้างพื้นฐานรองรับเศรษฐกิจระดับโลกได้
ส่วนแหล่งที่มาของงบประมาณที่ถูกอภิปรายอย่างกว้างขวางนั้น รมช.คลัง ขอให้สมาชิกรัฐสภาใช้ความระมัดระวังในการชี้นำแหล่งที่มาของเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการ เพราะอาจทำให้สังคมเข้าใจผิด กระทบต่อความน่าเชื่อถือของกรอบวินัยทางการเงินการคลัง
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า กระบวนการที่รัฐบาลจะทำในสุดท้าย จะมีความชัดเจนทั้งกรอบการใช้เงิน ระยะเวลาในการดำเนินการ และการนำเงินมาใช้คืนในระยะเวลาที่กำหนด โดยไม่กระทบต่อหนี้สาธารณะ ไม่มีการกู้เงินเพิ่มอย่างแน่นอน พร้อมย้ำยึดกรอบวินัยทางการเงินการคลัง
"รัฐบาลยึดมั่นกรอบวินัยการเงินการคลัง โดยจะไม่แตะต้องทรัพย์สมบัติของชาติ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนน้ำมัน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ กองทุนประกันสังคม ขอให้รัฐสภามั่นใจได้" รมช.คลัง กล่าว
พร้อมระบุว่า รายละเอียดโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เช่น กรณีรัศมีร้านค้า 4 กม. ขณะนี้อยู่ในช่วงของการรับฟังความคิดเห็น ซึ่งมีการเสนอความเห็นเข้ามามากมายจากภาคประชาชน รัฐบาลก็พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะไปพิจารณาในภาพรวม เพื่อหาหนทางที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดในกระบวนการใช้เม็ดเงิน
"สุดท้าย ข้อสรุปจะเป็นเช่นไร เม็ดเงินทั้งหมด จะถึงมือพี่น้องประชาชน และเกิดประโยชน์สูงสุดในเป้าหมายการกระตุ้นเศรษฐกิจ" นายจุลพันธ์ กล่าว
ส่วนข้อกังวลเม็ดเงินจะไหลไปที่ทุนใหญ่นั้น ขอชี้แจงว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไม่มีการเลือกปฏิบัติ จึงขอให้ความมั่นใจกับประชาชน โดยขณะนี้มีประชาชนรวมกลุ่มจำนวนมากเตรียมนำเม็ดเงินไปต่อยอดอาชีพจัดกิจกรรมที่จะสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน ซึ่งเป็นแนวความคิดของประชาชนล้ำหน้ากว่ารัฐบาลปัจจุบันนี้ ดังนั้น นโยบายนี้เมื่อลงไปแล้วก็จะแตกยอดความคิดที่เป็นประโยชน์ต่อไป