นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ทุกกระทรวงไปตรวจสอบดูว่า ที่ผ่านมามีการแต่งตั้งคณะกรรมการต่างๆ อะไรบ้าง ซึ่งล่าสุด เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งต่อที่ประชุมว่า มีคณะกรรมการทั้งหมด 178 ชุด นายกรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้พิจารณาว่า คณะกรรมการทั้ง 178 ชุด มีชุดใดบ้างที่ยังมีความจำเป็นอยู่ โดยให้เสนอกลับมาภายในวันที่ 25 ก.ย.นี้ พร้อมด้วยเหตุผลที่ต้องมีคณะกรรมการชุดนั้นๆ อยู่ ถ้าไม่มีข้อเสนอที่ดี ก็จะให้ยกเลิกทั้งหมด
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่ในอดีตได้รับคำสั่งหรืออำนาจ คณะรักษาความสงบแห่ง ชาติ (คสช.) และยังต้องปฏิบัติตามอำนาจ คสช. ให้ไปทบทวนทั้งหมดว่าคำสั่งต่างๆ ยังมีเรื่องใดจำเป็นต้องคงไว้หรือไม่ และให้ เสนอกลับมาภายในวันที่ 9 ต.ค.นี้ ถ้าไม่เสนอมา ก็จะให้มีผลยกเลิกทันทีทั้งหมด
นายชัย ตอบคำถามว่าหากต้องมีการยกเลิกคำสั่ง คสช. จะต้องใช้อำนาจใดในการยกเลิก และต้องมีการออกเป็น พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่ง คสช.ก่อนหรือไม่ว่า "มติ ครม. ก็สามารถยกเลิกคำสั่ง คสช.ได้ ตอนนี้รัฐบาลนี้เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ยกเลิกได้อยู่แล้ว"
นายชัย กล่าวว่า ถือเป็นมาตรการเชิงรุกทางเศรษฐกิจ ที่ไม่ต้องลงทุนเม็ดเงิน
"ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ระบุว่า ประเทศไทยถ้าไม่มีกฎระเบียบที่ไปกดทับ การทำมาหากิน ทำธุรกิจจะสะดวกกว่านี้ จีดีพีจะเด้งทันทีไม่น้อยกว่า10-15% ขอเพียงอย่ามีกฎระเบียบหยุมหยิมมากเกินไป รัฐบาลตระหนักเรื่องซึ่งแทบไม่ต้องลงทุนอะไร เพียงแค่อย่าไปทำร้ายตัวเอง สร้างกฎระเบียบที่เกินความจำเป็น...นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต่อไปนี้ ประชาชนคิดจะทำอะไร ริเริ่มทำได้ทุกอย่าง ถ้าไม่มีกฎหมายเขียนไว้ว่าห้าม ถือว่าทำได้ทุกอย่าง"
สำหรับการกวาดล้างผู้มีอิทธิพลนั้น นายชัย กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ตั้งทีมงานกวาดล้างผู้มีอิทธิพล ทั้งเรื่องส่วย และการซื้อขายตำแหน่ง และให้ถือเป็น KPI ของผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจในจังหวัดนั้นๆ และ กอ.รมน.จังหวัด ที่ต้องบูรณาการแก้ไขปัญหาเรื่องของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และปัญหายาเสพติดให้ราบคาบและรวดเร็ว ซึ่งหากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ บุคคลตามตำแหน่งนี้จะต้องรับผิดชอบ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการให้มีการตรวจสอบการเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานราชการ ที่พาข้าราชการไปดู งานต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ไปดูตามความเหมาะสม
"นายกฯ กำชับเรื่องการดูงานต่างประเทศ ว่าอย่าให้พร่ำเพรื่อเหมือนที่ผ่านมา และเวลานายกฯ ลงพื้นที่ ก็ไม่จำเป็นต้องมี คณะติดตามไปเยอะ เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน" นายชัย ระบุ