นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โพสต์เฟสบุ๊ก ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อเปิดทางให้พรรคได้เลือก สส.มาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ และขึ้นเป็น "ผู้นำฝ่ายค้าน "ในสภาผู้แทนราษฎร
โดยระบุว่า แม้วันนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พรรคก้าวไกลต้องเดินหน้าสู่การทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ในฐานะ "ฝ่ายค้าน" ที่มีเสียงมากที่สุดเป็นอันดับ 1 แต่ในเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดให้ "ผู้นำฝ่ายค้าน" จำเป็นต้องเป็น สส. ที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคของพรรคฝ่ายค้านอันดับ 1 ซึ่งปัจจุบัน ตนยังอยู่ภายใต้คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ดังนั้นจึงยังไม่สามารถเข้าไปทำงานในสภาฯ และไม่สามารถจะดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านได้ในระยะเวลาอันใกล้
พร้อมกันนี้ ตนได้หารือกับคณะกรรมการบริหาร และ สส.ของพรรคก้าวไกลแล้ว เห็นว่าบทบาท "ผู้นำฝ่ายค้าน" มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อระบบรัฐสภา และสมควรเป็นบทบาทที่รับผิดชอบโดยหัวหน้าพรรคของพรรคฝ่ายค้านหลักในสภาฯ ซึ่งตอนนี้คือพรรคก้าวไกล
"ผู้นำฝ่ายค้าน" จะเปรียบเสมือนหัวเรือที่กำกับทิศทางการทำหน้าที่ในสภาฯ ของฝ่ายค้าน เพื่อตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลและผลักดันวาระการเปลี่ยนแปลง ที่ยังตกหล่นจากนโยบายของรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
"ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ณ ขณะนี้ เพื่อเปิดทางให้พรรคเลือก สส. ที่สามารถทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทนที่ผม" นายพิธา ระบุ
พร้อมยืนยันว่า ไม่ว่าสถานะของตนจะเป็นอย่างไร ก็จะยังคงทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกล และพี่น้องประชาชนอย่างสุดกำลังและสุดความสามารถ เพื่อขับเคลื่อนวาระการเปลี่ยนแปลงที่เราปรารถนาร่วมกัน
นายพิธา ยังได้เชิญชวนสมาชิกพรรคก้าวไกลมาพบกันอีกครั้ง ในวันที่ 24 ก.ย.นี้ ในงาน "ก้าวต่อไป ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน" ซึ่งจะจัดขึ้นที่ อาคารกีฬาเวสน์ 1 เขตดินแดง กรุงเทพฯ เพื่อมุ่งหน้าสู่การสร้างพรรคการเมืองที่เข้มแข็งไปด้วยกัน
นายชัยธวัช ตุลาธน รักษาการเลขาธิการพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า เป็นการตัดสินใจของนายพิธา ที่ลาออกจากหัวหน้าพรรค เพื่อให้หาผู้เหมาะสมมาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน โดยจะประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาเรื่องหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 23 ก.ย.นี้
การลาออกของนายพิธา เป็นข้อเสนอของนายพิธาเอง ที่คิดว่าพรรคก้าวไกลควรทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสมบูรณ์ ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านควรมาจากพรรคหลักของฝ่ายค้าน จึงเป็นเหตุผลให้นายพิธา สละตำแหน่งหัวหน้าพรรค
อย่างไรก็ตาม นายพิธา ยังเป็นส่วนหนึ่งและเป็นผู้นำของพรรคอยู่แล้ว แม้จะไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคก็ตาม ส่วนโอกาสที่นายพิธา จะได้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่นั้น ตนคิดว่าทุกองคาพยพในพรรคยอมรับในความเป็นผู้นำของนายพิธาอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่า หากนายพิธาพ้นข้อสงสัยเรื่องคดีหุ้นไอทีวี ก็มีความเป็นไปได้ที่จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง แต่จะมีความชัดเจนอย่างไรนั้นต้องรอกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่