นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รักษาการหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคว่า ในบริบทการเมืองปัจจุบัน ฝ่ายค้านต้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้ง มหภาค และจุลภาค โดยในทางมหภาค ผู้นำฝ่ายค้านจำเป็นที่จะต้องเป็นหัวเรือหลักในนำทิศทางการอภิปรายงบประมาณ อภิปรายแนะนำรัฐบาล อภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือแม้แต่เรื่องจุลภาค เช่น เรื่องการแต่งตั้งวิปฝ่ายค้าน ตามข้อบังคับก็เป็นหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าน
ทั้งนี้ ตามกฎหมายตนยังเป็นรักษาการหัวหน้าพรรค จนถึงวันที่ 23 ก.ย. ที่จะมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และเลือกหัวหน้าพรรคใหม่ และวันที่ 24 ก.ย. พรรคจะมีการจัดกิจกรรม "ก้าวต่อไป ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน" ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 เขตดินแดง ซึ่งหลังจากพรรคก้าวไกลได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ในวันที่ 24 ก.ย. ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายค้านเชิงรุกตามที่เคยประกาศเอาไว้
"ยืนยันคำเดิม ผมไม่ยึดติดกับหัวโขน ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง และเชื่อว่าปัจจุบัน ผมสามารถทำงานได้ แม้ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรเลย" นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวตอบคำถามถึงการลาออกเพื่อจะไปเดินเกมนอกสภาเต็มตัวหรือไม่นั้นว่า ไม่ได้เป็นการเดินเกม แต่ในเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ รัฐธรรมนูญที่เราต้องการจะเปลี่ยนเป็นแบบนี้ เราจึงต้องเอาส่วนรวม มาก่อนส่วนตัว และคิดว่าตนสามารถทำงานได้โดยที่ไม่ต้องมีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ
ส่วนผู้ที่จะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทนนั้น นายพิธา กล่าวว่า มี 2 ประเด็น ประเด็นแรก คือ ขึ้นอยู่กับการประชุมวิสามัญพรรค และอีกประเด็น คือขึ้นอยู่กับคนที่ถูกเสนอชื่อจะยอมเป็นหรือไม่ ส่วนตัวมองว่ามีคนที่เหมาะสมถึง 4-5 คน ที่พร้อมจะเป็นหัวหน้าพรรคแทนตนเองได้ ในช่วงเวลาที่รอคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ โดยยอมรับว่า น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุลเป็นหนึ่งในนั้น
"ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเอาบู๊ หรือจะเอาบุ๋น ผมไม่ได้กังวลใจอะไร เพราะพรรคเราไม่ใช่พรรคที่มีเจ้าของ หรือสืบทอดอำนาจได้ มีข้อบังคับพรรคมีกฎหมายควบคุมอยู่" นายพิธา กล่ว
ส่วนกรณีมีกระแสข่าวที่เตรียมจะขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ออกจากพรรคก้าวไกล เพื่อรักษาตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ไว้ และได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านด้วยนั้น นายพิธา กล่าวว่า ต้องรอหลังการประชุมวิสามัญของพรรค เพราะเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่จะต้องหารือกับนายปดิพัทธ์ แล้วต้องฟังความคิดเห็นจากนายปดิพัทธ์ด้วย ซึ่งตามข้อกฎหมายสามารถเป็นไปได้
นายพิธา กล่าวถึงคดีถือหุ้นสื่อว่า ต้องรอกระบวนการที่ขับเคลื่อนไป ฝ่ายกฎหมายของพรรคก็ทำงานอย่างเต็มที่ และคิดว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะดูคำวินิจฉัยภายในของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็คิดว่ากระบวนการของ กกต.ที่ได้ทำมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ itv ทั้งวัตถุประสงค์ รายได้ และสัมปทาน ถ้าบริสุทธิ์ยุติธรรม ตนก็เชื่อมั่นทั้งสองเรื่องทั้ งเรื่องที่จะได้กลับมาเป็นสส. และเรื่องของการขับเคลื่อนพรรคภายใต้หัวหน้าพรรคคนใหม่
"ในช่วงที่รอคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญอยู่ ยังเดินหน้าทำงาน เผลอๆ อาจจะเจอมากกว่าเดิม เพราะจะเดินหน้าเขย่าการเมืองไทย และเขย่าปัญหาพี่น้องประชาชน ผ่านตะแกรงร่อน ต่อไปยังสส.พรรคก้าวไกลที่ยังอยู่ในสภา ซึ่งจะมีกำหนดการเดินทางไปทั่วประเทศ ทั้งจังหวัดที่มีสส.เขต และจังหวัดที่ได้คะแนนบัญชีรายชื่อเยอะ รวมถึงจะมีการเดินทางไปต่างประเทศ ที่จะไปบรรยายในมหาวิทยาลัยต่างๆ" นายพิธา กล่าว