นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวภายหลังหารือกับนายชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์ ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ว่า กทม. เป็นจังหวัดที่ใหญ่ 1 ใน 3 ของจีดีพีของประเทศ และประชาชนมีความคาดหวังเรื่องของรายได้จากการท่องเที่ยว รวมถึงเรื่องฝุ่น ปัญหารถติด โดยหลังรับตำแหน่ง ภารกิจแรกๆที่อยากทำ คือ สนับสนุนการทำงานของผู้ว่าฯกทม.ให้ลุล่วงด้วยดี เพราะกทม.เป็นภาคส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งปัญหาต่างๆมีมาก
โดยมีแนวคิดที่จะมีการตั้งคณะกรรมการชุดเล็ก 6-7 คน ขับเคลื่อนกทม. โดยใช้นโยบายเป็นหลัก และหน้าที่รัฐบาลต้องสนับสนุนผู้ว่าฯกทม.แก้ปัญหา ประสานงานหน่วยงานราชการที่ขึ้นตรงตนเอง มาช่วยสนับสนุน ผู้ว่าฯกทม. ทั้งเรื่อง อาชญากรรม จราจร เรื่องรถติด ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาใหญ่ แต่สามารถบรรเทาลงได้ และทำให้กทม.เป็นเมืองที่น่าอยู่ เช่น นายอนุทิน ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย จะช่วยดูเรื่องการไฟฟ้า กระทรวงคมนาคมจะช่วยดูเรื่องรถเมล์ รถไฟฟ้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะช่วยดูเรื่องจราจร และความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว หลังจากนี้จะตั้งคณะทำงานและจะแถลงขั้นตอนการทำงานให้สื่อมวลชนได้รับทราบอีกครั้ง
นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนกับนายชัชชาติ รู้จักกันมานาน และได้คุยกันมาตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ซึ่งนายชัชชาติ ได้ไปหาตนเองตั้งแต่ที่ทำการเก่า ตนได้บอกว่า นายชัชชาติ น่าจะสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องไปสมัครเป็นผู้ว่า กทม. แต่นายชัชชาติ บอกว่า ขอเป็นผู้ว่าฯ ดีกว่า และให้ตนมาลงสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีแทน จะได้ทำงานร่วมกันแบบพี่น้อง
"เรื่องของรัฐสนับสนุน หน้าที่ผมสนับสนุนน้องชายที่ดูแลภาคส่วนที่ใหญ่ คือ กทม. จะช่วยสั่งการในหน่วยงานที่ผู้ว่าฯกทม.ไม่มีอำนาจสั่งการโดยตรง จะสั่งการผ่านคณะกรรมการเล็กๆของเรา"นายเศรษฐา กล่าว
ด้านนายชัชชาติ กล่าวว่า ปัญหาสำคัญของกทม. คือ การประสานงานระหว่างหน่วยงาน เพราะกทม.มีอำนาจค่อนข้างจำกัด แต่หากสามารถประสานได้ดี และมีทิศทางชัดเจนจากฝ่ายบริหารปัญหาหลายอย่างจะบรรเทาลงได้มาก
ทั้งนี้ การตั้งคณะกรรมการชุดเล็ก มาจากนายกรัฐมนตรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี รมว.มหาดไทย รมว.คมนาคม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้ว่าฯกทม. ไม่เน้นเมกะโปรเจค ไม่เน้นการลงทุน แต่เน้นผลักดันแก้ปัญหาที่ติดขัดต่างๆ และปัญหาเร่งด่วนต่างๆ เช่น การก่อสร้างรถไฟฟ้า เชื่อมโยงไปยังการเดินทางต่างๆ เช่น รถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง รถเมล์ หรือ เรื่องการสร้างซอฟท์พาวเวอร์ 50 ย่าน ใน 50 เขตกทม. รวมถึง การดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และมีแนวคิดการทำเทศกาลฤดูหนาวในช่วงปลายเดือนธันวาคม