นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ กล่าวในเวทีงาน "ก้าวต่อไป ก้าวไกลทั้งแผ่นดิน" โดยยืนยันว่า แม้หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะเปลี่ยนไป แต่ว่าที่นายกฯ ของพรรค ยังไม่เปลี่ยนแปลง และไม่ใช่ใคร ยังคงเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คนเดิม
นายชัยธวัช กล่าวว่า มีบางคนบอกว่า ช่วงเวลานี้กำลังเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากระบอบเผด็จการที่ทำรัฐประหารยึดอำนาจตั้งแต่ พ.ศ. 2557 ไปสู่ระบอบประชาธิปไตย แต่ตนเกรงว่าจะไม่ใช่อย่างนั้น และมองว่าสถานการณ์ขณะนี้ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากการต่อสู้ระหว่างชนชั้นนำทางเมืองจารีต กับชนชั้นนำทางการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ไปสู่การต่อสู้ระหว่างการเมืองของชนชั้นนำกับการเมืองของประชาชน และนี่คือรากฐานทางการเมืองของรัฐบาลในปัจจุบัน และจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเมืองไทยบทใหม่
ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป้าหมายสำคัญของการเมืองแบบอนาคตใหม่-ก้าวไกลต่อจากนี้ คือต้องเปลี่ยนสิ่งที่การเมืองของชนชั้นนำบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นสิ่งที่สังคมไทยปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไป
นายพิธา กล่าวในหัวข้อ "ยุทธศาสตร์ก้าวไกล ก่อนถึงวันเข้าทำเนียบ" โดยยืนยันว่า นายชัยธวัช ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่นี้ จะเป็นผู้นำพรรคตัวจริงเสียงจริงของฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ใช่เพียงผู้นำขัดตาทัพอย่างที่ใครหลายคนพูดไว้ ซึ่งถือเป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ และขอฝากไปยังผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลด้วยว่า รักพิธาอย่างไร ก็ขอให้รักชัยธวัช อย่างนั้นด้วยเช่นกัน
นายพิธา กล่าวว่า ตลอดช่วง 3 ปี กับ 185 วันที่ผ่านมา เป็นการเดินทางที่ตนจะไม่มีวันลืม และรู้สึกภูมิใจในทุกสิ่งที่ได้ทำร่วมกันมาตลอด ทำในสิ่งที่หลายคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ เปรียบเหมือนการจุดไฟกลางสายลมที่ทำได้สำเร็จ จากตอนที่เป็นพรรคอนาคตใหม่ มี สส.50 คน แต่หลังจากเป็นพรรคก้าวไกล มี สส.เพิ่มอย่างก้าวกระโดดมาถึง 151 คน และการเลือกตั้งในอนาคตก็ตั้งเป้าหมายจะไปให้ได้ถึง 300 คน ดังนั้นไม่ว่าที่ผ่านมา ประชาชนจะมีความรู้สึกสมหวัง หรือผิดหวัง ก็ขอให้เดินหน้าต่อไป และรอวันที่ตนจะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งมั่นใจว่าจะกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม และก้าวไกลทั้งแผ่นดินแน่นอน
"การจุดไฟกลางสายลม อาจทำได้ยาก แต่เราก็ทำสำเร็จ อย่าปล่อยไฟให้ดับเด็ดขาด ไม่ว่าจะสมหวัง ผิดหวัง แต่ไฟที่จุดติดแล้ว อย่าให้ดับ รอผมชั่วคราว ถ้ากลับมาเมื่อไร จุดไฟต่อแน่นอน กลับมาอีกครั้ง ก้าวไกล ทั้งแผ่นดิน" นายพิธา กล่าว
อย่างไรก็ดี ในระหว่างนี้ พรรคก้าวไกลก็ยังมีเป้าหมายที่จะทำงานการเมือง ด้วยการทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านให้ดีที่สุด เป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ไม่ใช่แค่ฝ่ายค้านที่จ้องแต่จะล้มรัฐบาล แต่จะเป็นฝ่ายค้านที่อยู่ข้างประชาชน สะสมชัยชนะและประสบการณ์ไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อนำไปสู่การได้เป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดของคนไทย
โดยยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกล ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบสำคัญที่จะทำต่อจากนี้ไป คือ "แข่ง ขยับ และขยาย"
ยุทธศาสตร์ที่ 1 "แข่ง" พรรคก้าวไกล พร้อมลงแข่งทุกสนามการเลือกตั้งทั้ง 4 สนามในช่วง 4 ปีจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งระดับ อบจ., เทศบาล, ผู้ว่าฯ กทม. และสนามเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ
ยุทธศาสตร์ที่ 2 "ขยับ" พรรคก้าวไกล มีองคาพยพที่หลากหลายในทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็น สส.เขต สส.บัญชีรายชื่อ อบต. อบจ. สก. ซึ่งเมื่อมีการขยับขับเคลื่อนก็จะเกิดเป็นองคาพยพที่ยิ่งใหญ่
ยุทธศาสตร์ที่ 3 "ขยาย" พรรคก้าวไกล จะขยายฐานสมาชิกให้มากขึ้นจากปัจจุบันที่มีประมาณ 8 หมื่นคน ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นประมาณเดือนละ 1 หมื่นคน โดยตั้งเป้าว่าในช่วงปีใหม่นี้ พรรคก้าวไกลจะเป็นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกมากเป็นอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
"อีกไม่นาน ความฝันที่เรามีร่วมกัน จะเป็นความจริงที่เราภูมิใจร่วมกัน อย่าลืมสิ่งที่ทำร่วมกันมา เราชนะในกติกาที่เขาเขียน ไม่เคยมีใครคิดว่าเราจะชนะ เราชนะในการเลือกตั้งที่มีส่วนร่วมของประชาชนมากสุด จงเปลี่ยนความผิดหวังเป็นพลังงาน ผลักดันไปจนกว่าจะถึงเส้นชัยร่วมกัน" นายพิธา กล่าว