นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วย นายชวน หลีกภัย, นายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ ปชป. รับข้อร้องเรียนจากเครือข่ายผู้ปลูกทุเรียน ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในเขต อ.แกลง อ.เขาชะเมา อ.วังจันทร์ จ.ระยอง นำโดย นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ อดีต สส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อผลักดันให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการส่งเสริมพัฒนา แก้ปัญหาทุเรียนให้ครบวงจร อย่างยั่งยืนและเป็นระบบ พร้อมยกร่างกฎหมายเกี่ยวกับทุเรียน
นพ.บัญญัติ กล่าวว่า ปัจจุบันทุเรียนกลายเป็นพืชผลการเกษตรที่ทำรายได้ส่งออกเป็นอันดับ 3 ซึ่งปี 2565 ทำมูลค่าสูงกว่า 120,000 ล้านบาท เกษตรกรจึงได้ขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนถึง 1.3 ล้านไร่ ทั้งในภาคตะวันออก ภาคใต้ และอีก 43 จังหวัดทั่วประเทศ การขยายพื้นที่ปลูกทุเรียนเป็นจำนวนมาก ได้สร้างความกังวลให้เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน เพราะหากไม่มีการบริหารจัดการที่ดีจะทำให้ปริมาณทุเรียนล้นตลาด และส่งผลต่อราคาทุเรียนในอนาคต
นอกจากนี้ เมื่อคุณภาพทุเรียนไม่ได้มาตรฐาน มีการตัดทุเรียนอ่อน จะทำให้ผู้บริโภคหรือปลายทางการส่งออก ซึ่งฐานลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน อาจส่งผลต่อการสั่งซื้อทุเรียน ไปจนถึงกระทบต่อยอดการส่งออกด้วย รวมทั้งเป็นห่วงเรื่องการวิจัยพัฒนาด้านสายพันธุ์ เนื่องจากมีประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ต่างกำลังเร่งพัฒนาเช่นกัน แต่ด้วยภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ยังทำให้ขณะนี้ประเทศไทยมีจุดแข็งอยู่ แต่ถ้าไม่มีการวิจัยพัฒนา เมื่อเกิดปัญหาขึ้นจะทำให้แก้ไขได้ยาก
ดังนั้น คณะเครือข่ายผู้ปลูกทุเรียน ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในเขต อ.แกลง อ.เขาชะเมา อ.วังจันทร์ จึงเดินทางมายื่นหนังสือให้พรรคประชาธิปัตย์ช่วยผลักดันปัญหาทุเรียนให้เป็นวาระแห่งชาติต่อไป
พร้อมกันนี้ ยังเรียกร้องให้มีการจัดตั้งกองทุนทุเรียนไทย เช่นเดียวกับกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง โดยเก็บจากการขายผลผลิตออกสู่ต่างประเทศในลักษณะเป็นเงินสงเคราะห์ หรือ เงิน CESS ของยางพารา ซึ่งจะได้นำเงินส่วนนี้ มาสงเคราะห์ชาวสวนทุเรียนเมื่อเกิดกรณีภัยพิบัติต่างๆ อันส่งผลกระทบต่อสวนทุเรียน รวมถึงนำไปสนับสนุนสถาบันวิจัยทุเรียนด้วย ซึ่งจะเป็นการช่วยประหยัดเงินงบประมาณประเทศได้
ด้านนายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ยินดีที่จะช่วยส่งเสริม และสนับสนุนทุเรียนไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพรรค และสอดคล้องกับสิ่งที่ตนทำมาตลอด 4 ปี สมัยที่ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ที่ทำให้ทุเรียนกลายเป็นผลไม้สำคัญทำรายได้ให้ประเทศมหาศาล โดยปีที่แล้ว ประเทศไทยสามารถทำรายได้จากการส่งออกทุเรียนได้ถึง 125,000 ล้านบาท และตั้งแต่เดือน ม.ค.-ส.ค.66 สามารถทำรายได้สูงกว่าปีที่แล้วทั้งปี โดยมีมูลค่าสูงถึง 138,000 ล้านบาท ซึ่งตลาดใหญ่ที่สุด คือประเทศจีน ดังนั้นจึงถือว่าทุเรียนเป็นพืชที่มีอนาคตไกล
นายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องที่เสนอมานี้ จะนำเข้าสู่ที่ประชุม สส.พรรคในสัปดาห์หน้า ระหว่างที่สภาฯ ยังไม่สามารถพิจารณาตั้ง กมธ.วิสามัญ ขึ้นมาศึกษาได้ ก็จะส่งเรื่องให้ กมธ.สามัญการพาณิชย์ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นประธานอยู่ได้พิจารณาดำเนินการไปพลางก่อน โดยมีเป้าหมายสำคัญในการสนับสนุน พ.ร.บ.ทุเรียนยั่งยืน ให้เกิดขึ้น เพื่อที่จะเข้ามากำกับดูแลทุเรียนอย่างครบวงจร ตั้งแต่เรื่องการปลูก การรวบรวมผลผลิต การขนส่ง ไปจนถึงการตลาด และการทำวิจัยพัฒนา เพื่อให้ทุเรียนสามารถเป็นพืชเศรษฐกิจของเกษตรกรและประเทศต่อไป