นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีวาระญัตติให้พิจารณานโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่ง กมธ.ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง เท่าที่รับทราบจะมีตัวแทนจากกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยที่ประชุมจะตั้งคำถามในประเด็นการดำเนินนโยบายเงินดิจิทัลอย่างไร จะเอาเงินจากไหน และจะทำอย่างไรโดยไม่กู้ เพราะจนวันนี้ยังไม่มีคำตอบจากรัฐบาล ยังมีความคลุมเครือ ไม่มีความชัดเจน
ส่วนความกังวลว่า การแจกเงินเป็นโทเคนอาจเอื้อประโยชน์ให้ผู้ทำธุรกิจด้านดิจิทัล และมีการฟอกเอาเงินดำไปแปลงเป็นเงินขาวนั้น ตนไม่ขอวิจารณ์ไปก่อน เพราะยังไม่เกิดความชัดเจน แต่เป็นสิทธิของผู้ที่มีความรู้และสิทธิของคนไทยที่จะตั้งข้อสังเกตและติดตามได้ เพราะเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ และเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องรับฟัง สิ่งที่กังวลที่สุดคือความไม่ชัดเจนตั้งแต่ต้น ถ้าเป็นนโยบายสำคัญก็ต้องชัดเจนตั้งแต่วันหาเสียงแล้ว
"นี่กลายเป็นว่ามาเริ่มต้นนับหนึ่งกันหลังจากเป็นรัฐบาลแล้ว แต่จนเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่นับหนึ่งจุดหนึ่ง คือยังไม่มีความชัดเจนใดๆ เกิดขึ้น ผมก็หวังว่าวันหนึ่งก็จะชัดเจน แต่แน่นอนว่าต้องชัดเจนสักวัน ระหว่างทางอย่าไปตำหนิคนตั้งคำถาม ตั้งข้อสังเกต อย่าไปตำหนิประชาชน เพราะเขามีสิทธิรับรู้ เนื่องจากไปเอาเงินของเขามาใช้มาแจก เจ้าของเงินก็ย่อมมีสิทธิจะรับรู้ได้" นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า รัฐบาลมีสิทธิที่จะดำเนินนโยบาย รวมถึงนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต แต่รัฐบาลไม่มีสิทธิ์จะนำนโยบายมาทำให้เกิดความเสียหาย หรือทุจริตคอร์รัปชั่น แล้วต่อไปตนเองจึงจะค่อยๆ ให้ความเห็นทำหน้าที่ติดตามแทนประชาชนต่อไป โดยประชาชนก็มีคำถามอยู่เหมือนกันว่าเหตุใดไม่ใช้การแจกเป็นเงินสด หรือแจกผ่านแอปพลิเคชั่น เป๋าตังดังเดิมก็ได้ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ทราบเพราะยังมีความคลุมเครือ ควรเอาหลักให้ชัดก่อน รายละเอียดค่อยตามมา จะแจกเป็นโทเคนอยู่หรือไม่ และจะเอาเงินมาจากไหนหากไม่กู้
โดยในส่วนกระทรวงการคลัง รมว.คลัง มอบหมายให้ผู้แทนกระทรวงการคลังเป็นผู้ชี้แจง, ผู้ว่าการ ธปท.ได้มอบหมายให้ น.ส.ดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับระบบการชำระเงิน และคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท.มาเป็นผู้ชี้แจง และสำนักงานเลขาธิการ ป.ป.ช.มอบหมายให้คณะทำงานติดตามนโยบายพรรคการเมืองเป็นผู้ชี้แจ้ง
น.ส.ดารณี ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า โครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่มีมูลค่ากว่า 560,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลต้องการกระตุ้นการอุปโภคบริโภคของประชาชน แต่มุมมองของ ธปท.เห็นว่า ตัวเลขเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกที่เกี่ยวกับการบริโภคภาคเอกชนที่มีความจำเป็นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมผ่านโครงการนี้ยังมีไม่มาก เนื่องจากภาพรวมการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้สูง และตลาดแรงงานก็ฟื้นตัวต่อเนื่อง ดังนั้นผลของโครงการต่อเศรษฐกิจอาจจะไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ประธาน กมธ.ฯ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในวันนี้ผู้แทนกระทรวงการคลังไม่ได้ชี้แจงเรื่องแหล่งที่มาของเงิน บอกแต่เพียงว่า กรอบงบประมาณที่ใช้จะคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง โดยไม่ได้บอกว่า จะมีการนำแหล่งเงินจากการยืมจากรัฐวิสาหกิจหรือไม่ ซึ่ง กมธ.จะมีการติดตามความคืบหน้าของโครงการการนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม หวังเห็นรัฐบาลนำข้อติติงต่างๆ กลับไปพิจารณาให้มีรายละเอียดชัดเจน เชื่อว่ารัฐบาลพยายามฟังเสียงรอบด้าน ทั้งข้อเสนอแนะ และข้อทักท้วง ซึ่งจะเป็นกระบวนการสำคัญที่ทำให้รัฐบาลออกแบบนโยบายได้ดี และไม่ทำให้เกิดผลเสีย หรือเกิดผลเสียให้น้อยที่สุด