นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผลการศึกษาของนายสุวิทย์ สรรพวิทยศิริ และทีมงานเศรษฐศาสตร์นอกขนบที่อธิบายเรื่องผลของนโยบายต่อจีดีพี และสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ซึ่งแสดงให้เห็นว่านโยบายดิจิทัลวอลเล็ตมีผลสำคัญต่อการกระตุ้นการเติบโตของจีดีพีได้ดีที่สุดและมีผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะต่อจีดีพีต่ำสุด
โดยแผนภูมิของการศึกษาดังกล่าวพบว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยตามนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตจำนวน 10,000 บาท จะสามารถกระตุ้นผลของการเติบโตจีดีพีได้สูงสุดที่ 4.73%, 5.22%, 5.61% และ 5.54% ในปีงบประมาณ 2567-2570 ตามลำดับ ขณะที่เกิดผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะต่อจีดีพีต่ำสุดด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถึงแม้การศึกษาชิ้นนี้จะเป็นการทำการศึกษาเปรียบเทียบเชิงนโยบายในช่วงก่อนการเลือกตั้งของพรรคการเมืองต่างๆ แต่ผ่านโมเดลการคำนวณวงเงินงบประมาณตามนโยบายสำคัญทางการคลังที่แต่ละพรรคการเมืองได้หาเสียงเอาไว้ก่อนหน้าการเลือกตั้ง โดยคาดการณ์ผลของนโยบายนั้นๆ ต่ออัตราการเติบโตของจีดีพี และสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี
"การกำหนดนโยบายของพรรคเพื่อไทยได้ผ่านกรอบความคิดเกี่ยวกับการพัฒนาท่ามกลางความท้าทายในอนาคตที่เล็งเห็นสัญญาณอันตรายว่า หากจีดีพียังคงถูกปล่อยให้เติบโตต่ำในระดับเพียงแค่ราวๆ 2% ดังเช่นในช่วง 8-9 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศไทยจะเริ่มมีปัญหาในการดูแลผู้สูงอายุที่นับวันก็จะมีจำนวนคนมากขึ้นทุกปี หรือแม้แต่ความสามารถในการจ่ายเงินบำนาญข้าราชการก็อาจจะได้รับผลกระทบด้วย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดึงให้การเติบโตของจีดีพีขึ้นไปถึงระดับ 5% ให้ได้ ดังนั้นจึงต้องการให้เกิดการสตาร์ทเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ กระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อฟื้นฟูและพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้เร็วที่สุด" นายชัย กล่าว