นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธานการประชุมติดตามประเด็นปัญหาการส่งออก ขั้นตอนพิธีศุลกากร การค้าชายแดนและการพัฒนา One Stop Service ระหว่างราชอาณาจักรไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ สำนักงานศุลกากรจังหวัดหนองคาย โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม, นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย หัวหน้าส่วนราชการ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่เข้าร่วมประชุม
โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายที่สำคัญ ดังนี้
ด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อผลักดันศูนย์ให้บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service :OSS) ทำให้การบริการภาครัฐรวมอยู่ในระบบเดียว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน เป็นพื้นที่สำหรับการเจรจาธุรกิจ และแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างนักลงทุนกับผู้ประกอบการ ทำหน้าที่ควบคุม กำกับดูแล ตรวจสอบมาตรฐานใบอนุญาตธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์ ผู้นำเที่ยว และระบบทะเบียนบุคลากร
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐจะต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน แต่ต้องอำนวยความสะดวกต่อการลงทุนในทุกมิติ ให้คุ้มค่ากับงบประมาณที่ลงทุน ต้องเอื้อต่อการขนถ่ายสินค้าให้มีความสะดวกรวดเร็ว โดยมอบหมายให้กรมศุลกากรเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนนโยบาย และให้ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ขอให้บูรณาการการทำงานให้ง่ายขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการค้าขาย โดยหวังให้ด่านศุลกากรจังหวัดหนองคายเป็นต้นแบบในการให้บริการ One Stop Service และขยายผลออกไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งขอให้อำนวยความสะดวกการค้าชายแดนและผ่านแดนจังหวัดหนองคาย รองรับการขนส่งสินค้าตลอด 24 ชั่วโมง ขอให้การดำเนินงานมีความคล่องตัว สามารถช่วยอำนวยความสะดวกการค้าชายแดนได้อย่างเป็นรูปธรรม ผลักดันให้การส่งออกเติบโตตามนโยบายรัฐบาล
ด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีย้ำรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนเมืองรองเพื่อเพิ่มนักท่องเที่ยวสร้างรายได้เข้าสู่พื้นที่เมืองรองมากขึ้น โดยยอมรับว่าเหตุกราดยิงที่สยามพารากอนกระทบต่อการท่องเที่ยว ขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ รีบประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีความเชื่อมั่นต่อการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงมหาดไทยได้แก้กฎหมายการครอบครองปืนแล้ว ทั้งนี้ อีกสองสัปดาห์จะเป็นช่วงเวลาของการเปิดวีซ่าจีนต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นต่อการท่องเที่ยวให้มากขึ้น
ด้านการต่างประเทศ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทย-จีนมีความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งจากการพูดคุยหารือนักลงทุนประเทศจีนมีความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ขอให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเร่งประสานงานให้เกิดความร่วมมือ นำนักลงทุนมาลงทุนในประเทศไทยให้เกิดผลเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งขอให้หน่วยงานของรัฐขับเคลื่อนการทำงาน มีส่วนร่วมต่อการดึงดูดนักลงทุนมาลงทุนในประเทศประเทศไทยให้มากขึ้น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้พิจารณาการเสริมสร้างความร่วมมือและแก้ไขปัญหาอุปสรรคของการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ทั้งทางบก ราง เรือ และอากาศ พร้อมทั้งปรับปรุงระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศให้มีความเป็นสากล รวมทั้งพัฒนากระบวนการโลจิสติกส์ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วอย่างไร้รอยต่อ